อินโดนีเซียกลายเป็นประเทศที่ 2 ของเอเชีย และประเทศที่ 12 ของโลก ที่มียอดผู้เสียชีวิตสะสมจากโควิดทะลุ 100,000 ราย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าศูนย์กลางการระบาดของไวรัสกำลังเปลี่ยนจากยุโรปและอเมริกามายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันของอินโดนีเซียจะต่ำกว่าสหรัฐฯ แต่การกระจายวัคซีนให้ประชาชนที่ต่ำกว่า ประกอบกับระบบสาธารณสุขที่มีเครื่องมือไม่เพียงพอ ส่งผลให้อัตราการเสียชีวิตในอินโดนีเซียสูงกว่า
ข้อมูลจากเครื่องมือติดตามการฉีดวัคซีนของ Bloomberg ชี้ว่า ปัจจุบันมีประชากรเพียง 8% จากทั้งหมด 270 ล้านคนที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว ขณะที่สหรัฐฯ มีประชากรมากกว่าครึ่งหนึ่งที่ได้รับวัคซีนแล้ว
สำหรับอัตราการเสียชีวิตในอินโดนีเซียนั้นพุ่งเร็วมาก โดย 1 ใน 3 ของยอดผู้เสียชีวิตสะสมนั้นมาจากเดือนกรกฎาคมเพียงเดือนเดียว ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดการระบาดสูงของไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตา ขณะที่เตียงในโรงพยาบาลและออกซิเจนนั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการ โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่เสียชีวิตเพราะรับการรักษาล่าช้า เนื่องจากระบบสาธารณสุขอินโดนีเซียสามารถรับเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการหนักเท่านั้น แม้ว่าจะมีการจัดหาเตียงชั่วคราวที่ลานจอดรถ หรือแปลงอาคารอพาร์ตเมนต์เป็นศูนย์กักแยกผู้ป่วยก็ตาม
ข้อมูลจาก LaporCovid-19 ระบุว่า มีประชาชนอย่างน้อย 2,837 คนที่เสียชีวิตระหว่างกักตัวในบ้านหรือรอเตียงนอกโรงพยาบาล ขณะที่รัฐบาลร้องขอให้ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงเท่านั้นที่จะเข้ารับการรักษาในระบบสาธารณสุขหรือโรงพยาบาลได้
เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม รัฐบาลอินโดนีเซียได้ออกมาตรการเข้มงวดในการจำกัดการเดินทางบนเกาะชวา ซึ่งเป็นเกาะที่มีประชากรอาศัยมากที่สุด รวมทั้งเกาะบาหลีที่เป็นจุดหมายการท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส ต่อมาทางการได้ขยายมาตรการครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งหลังจากนั้นจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันก็เริ่มลดลงจากระดับสูงสุดในวันที่ 15 กรกฎาคม รวมทั้งในกรุงจาการ์ตาที่เคยเป็นศูนย์กลางการระบาดมากที่สุดของประเทศ อย่างไรก็ตามเวลานี้ไวรัสได้แพร่ระบาดไปยังจังหวัดอื่นๆ นอกเหนือจากชวาแล้ว
ภาพ: Cahya Nugraha / Pacific Press / LightRocket via Getty Images
อ้างอิง:
