นักวิเคราะห์จับตา เงินรูปี อินเดียอ่อนค่าทำสถิติอีกครั้ง หลังเผชิญแรงกดดัน

นักวิเคราะห์จากหลายสำนักจับตาค่า เงินรูปี ของอินเดียเสี่ยงอ่อนค่าทำสถิติอีกครั้ง หลังเผชิญแรงกดดันจากหลายปัจจัย ทั้งกระแสเงินทุนไหลออกจากการดำเนินนโยบายตึงตัวของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) และราคาน้ำมันโลกที่ยังยืนอยู่ในระดับสูง

เงินรูปีของอินเดียต้องเผชิญกับแรงเทขายที่รุนแรงในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา จนมีช่วงที่อ่อนค่าหลุดจากระดับ 80 รูปีต่อดอลลาร์ไปถึง 2 ครั้ง ก่อนที่ล่าสุดจะแข็งค่ากลับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 79.06 รูปีต่อดอลลาร์ จากการเข้าแทรกแซงของธนาคารกลาง

อย่างไรก็ดี บรรดานักวิเคราะห์ยังเชื่อว่าด้วยแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก ทั้งจากราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูง และกระแสเงินทุนไหลออกจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed จะทำให้เงินรูปียังมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนค่า และมีโอกาสที่จะอ่อนค่าทำสถิติใหม่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

ปัจจุบันอินเดียเป็นประเทศที่มีการนำเข้านำ้มันเชื้อเพลิงสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยมีการประเมินว่าราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นทุกๆ 1 ดอลลาร์จะเพิ่มภาระการนำเข้าของอินเดียถึง 2.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งหมายถึงการที่อินเดียต้องใช้เงินดอลลาร์ไปซื้อนำ้มันเพิ่มมากขึ้น

ขณะเดียวกัน อินเดียยังต้องเผชิญกับกระแสเงินทุนไหลออกจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของ Fed โดยข้อมูลจาก Nomura ระบุว่า นับจากต้นปีจนถึงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีเงินทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดทุนอินเดียไปแล้ว 2.89 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มประเทศเอเชียเมื่อไม่นับรวมญี่ปุ่น

“การไหลออกของเงินทุนต่างชาติจากการดำเนินนโยบายของ Fed รวมถึงความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอย และปัญหาการขาดดุลของอินเดียเอง ทำให้เราจะเห็นเงินรูปีอ่อนค่าต่อไป โดยมีความเป็นไปได้ที่เงินรูปีจะอยู่ที่ระดับ 80-81 รูปีต่อดอลลาร์ ในอีก 3-6 เดือนข้างหน้า” Santanu Sengupta นักเศรษฐศาสตร์ของ Goldman Sachs ระบุ

ขณะที่ Craig Chan หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์อัตราแลกเปลี่ยนของ Nomura กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงด้านต่ำในขณะนี้บ่งชี้ว่า เงินรูปีมีโอกาสจะหลุดจากระดับ 80 รูปีต่อดอลลาร์ และขึ้นไปแตะระดับ 82 รูปีต่อดอลลาร์ภายในเดือนสิงหาคม

สอดคล้องกับ Adarsh Sinha หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์อัตราแลกเปลี่ยนประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกของ Bank of America Securities ที่เชื่อว่าเงินรูปีจะอ่อนค่าไปแตะระดับ 82 รูปีต่อดอลลาร์ก่อนสิ้นปีนี้

อ้างอิง: