หลังจากปิดพรมแดนประเทศไม่รับนักเดินทางต่างชาตินานร่วม 20 เดือน เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโควิด ในที่สุดรัฐบาลอินเดียก็ตัดสินใจเปิดประเทศอีกครั้ง โดยค่อยๆ ทยอยเปิดในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบันอินเดียเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วถึง 99 ประเทศประเทศทั่วโลก
โดยข้อมูลล่าสุดจนถึงวันที่ 13 พฤศจิกายน ระบุว่า 99 ประเทศดังกล่าวหมายรวมถึง สหรัฐอเมริกา อังกฤษ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย เยอรมนี ฝรั่งเศส และบราซิล ซึ่งนักท่องเที่ยวจากประเทศเหล่านี้ที่มีหลักฐานฉีดวัคซีนครบโดสเรียบร้อยแล้ว สามารถเดินทางมายังอินเดียโดยไม่ต้องกักตัวแต่อย่างใด
ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้อยู่ในลิสต์ 99 ประเทศ แต่ประเทศต้นทางไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือพื้นที่สีแดงที่มีการแพร่ระบาดสูง ก็สามารถเดินทางมายังอินเดียโดยไม่ต้องกักตัวเช่นกัน เพียงแต่ยังจำเป็นต้องมีการเฝ้าระวังอาการเป็นเวลา 14 วันอย่างเข้มงวดแทน
ขณะที่ประเทศที่ยังไม่อยู่ในลิสต์อนุญาตของอินเดียส่วนใหญ่อยู่ในภูมิภาคเอเชียด้วยกันคือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินโดนีเซีย
วันเดียวกัน ทางสำนักนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นแถลงเปิดเผยการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ พบลดลง 0.8 เปอร์เซ็นต์จากไตรมาสก่อนหน้า มากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะหดตัว 0.2%
รายงานระบุว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นในไตรมาส 3 หดตัวเป็นครั้งแรก ในรอบสองไตรมาส โดยมีสาเหตุจากการติดเชื้อโควิดที่พุ่งสูงขึ้น จนส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค ขณะที่การบริโภคของภาคเอกชน ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของเศรษฐกิจประเทศปรับตัวลง 1.1 เปอร์เซ็นต์ ในไตรมาส 3 ซึ่งมากกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ที่มองว่าจะลดลง 0.5 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้แม้ว่าญี่ปุ่นจะไม่เคยใช้มาตรการล็อกดาวน์ เพียงแค่ขอให้ภาคธุรกิจปิดหรือจำกัดเวลาให้บริการเป็นครั้งคราวตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และขอให้ใช้มาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม แต่มาตรการจำกัดเวลาเหล่านี้ก็ส่งผลกระทบต่อการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน
ขณะเดียวกันการที่หลายประเทศในเอเชียที่ผลิตชิปคอมพิวเตอร์และชิ้นส่วนยานยนต์ล็อกดาวน์นานหลายเดือน ทำให้ญี่ปุ่นเกิดภาวะขาดแคลน กระทบต่อการผลิตและจำหน่ายยานยนต์ อย่างไรก็ตาม ทาง โตโยต้ามอเตอร์คอร์ป ผู้ผลิตยานยนต์ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นคาดว่า การผลิตจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในเดือนหน้า เพราะสถานการณ์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ดีขึ้นแล้ว
อ้างอิง:
