ด้วยความฮิตของ เลือดข้นคนจาง จะไม่ให้ฉันเขียนถึงบ้างได้อย่างไรกัน ตั้งใจจะเขียนเรื่องพ่อกับสงครามเวียดนามเลยต้องทิ้งไว้ก่อน หันมาเขียนเรื่องยอดฮิตจะดีกว่า…
นั่งดูละครแล้วย้อนดูครอบครัวตัวเอง เห็นครอบครัวใหญ่เขาตีกัน ฆ่ากันตายเรื่องมรดก พร้อมกับข้อเปรียบเปรยทางโลกโซเชียลทั้งหลายว่าเหมือนครอบครัวจีนโน้นบ้างนี้บ้าง ก็เลยอยากมีบทเขียนถึงชีวิตครอบครัวจีนของเราบ้างเหมือนกัน
ต่างกันไหม… ไม่ต่างกันเท่าไรหรอกค่ะ เรียกได้ว่าเขียนบทได้ดี ทำการบ้านเรื่องครอบครัวจีนมาได้ดีจนแอบคิดว่าคนเขียนบทต้องอยู่ในครอบครัวจีนแน่ๆ
ในครอบครัวเรา ความโชคดีคืออากงจนมาก สมบัติของอากงคือลูกๆ หามาให้ ไม่ว่าจะเงินทอง พระเครื่อง ฯลฯ แต่ก่อนหน้านั้นเป็นช่วงที่พวกอาผู้ชายกับอาผู้หญิงแต่งงาน ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่ามีความแตกต่างของการ ‘ให้’ การ ‘เข้า’ และ ‘ออก’ จากตระกูลเหมือนในซีรีส์ เลือดข้นคนจาง ไม่มีผิด
ลูกสาว เมื่อแต่งงานคือออกจากบ้าน ทรัพย์สมบัติก็จะมีให้เป็นพิธีนิดหน่อย ถ้าครอบครัวรวยก็ดีไป เพราะจะได้ส่วนแบ่งไปเลย กี่ล้านกี่ล้าน แต่ให้แล้วจบนะ ยามอากงอาม่าตายไป ห้ามมาเอะอะขอเพิ่ม เพราะสิ่งที่ครอบครัวสร้างต้องส่งต่อให้คนในนามสกุลนี้เท่านั้น อันนี้เป็นที่รู้กันจนถือเป็นเรื่องไม่ดราม่ามากสำหรับตัวฉัน
แต่ถ้าครอบครัวไม่ได้ร่ำรวยอะไร ลูกสาวก็ต้องหาเอาเอง หรือไม่ก็ไปหาเอากับผัว หรือไปตายเอาดาบหน้า ส่วนลูกชาย เมื่อแต่งสะใภ้เข้ามาในบ้านจะถือว่ามาช่วยกันสร้างฐานะ มาดูแลอากงอาม่า
ที่สำคัญคือถ้าลูกสาวแต่งออกไปแล้วอยู่กับสามีไม่ได้ ทะเลาะเบาะแว้งกัน จะมาร้องห่มร้องไห้ที่บ้านก็ได้ แต่จะงอนกันถึงขึ้นเก็บข้าวของกลับมาบ้านเดิมนี่ไม่ได้เด็ดขาด! เพราะถือว่าแต่งออกไปแล้วคือจบ ต้องทนเองให้ได้
จำได้ว่าสมัยก่อนเวลาเราดูอาโกของเราแต่ละคนกลับบ้านมาร้องไห้ก็จะสงสาร แต่สุดท้ายจะค้างคืนก็ไม่ได้ ยังไงก็ต้องกลับไปบ้านผัว อากงอาม่าสั่งให้กลับหมดทั้งสามอาโกเลยค่ะ ซึ่งตอนนั้นเราไม่เข้าใจเท่าไรว่าให้พักสักคืนไม่ได้หรือไง
ฉันเคยเอาเรื่องนี้ไปถามพ่อ พ่อบอกว่า ‘ไม่ได้’ เพราะถ้ามีครั้งที่หนึ่งก็จะมีครั้งที่สอง ต้องไม่ให้เริ่มเด็ดขาด ได้แต่สงสารอาผู้หญิง แต่ทุกวันนี้เห็นทุกครอบครัวรักใคร่กลมเกลียวก็เข้าใจแล้วว่า โอเค มันก็เป็นธรรมดา ชีวิตคู่ก็เหมือนลิ้นกับฟัน ต้องมีแตะลิ้นกระแทกปากกันบ้างแล้วก็จะดีกันไปเอง อาศัยความดีเข้าช่วย แต่ถ้าคู่ชีวิตไม่ดีจริงๆ ล่ะก็ตัวใครตัวมัน
นี่เบาๆ นะคะ เคยได้ยินบางครอบครัวที่รวยมากๆ บังคับลูกสาวแต่งงานเพื่อผลประโยชน์เลยด้วยซ้ำ บ้านฉันยังดีหน่อยที่ยังให้แต่งตามที่รักกัน ส่วนฉันที่เป็นสาวแก่ไร้สามี พ่อก็ห่วงจนเสียชีวิตนี่แหละค่ะ สมัยสาวๆ เคยโดนจับดูตัว 4-5 รอบก็ว่าได้ เพราะอยากให้มี ‘ผัว’
ตอนโดนจับคู่ดูตัวมันก็เป็นประเพณีอีกอย่างที่สำคัญนะคะ คือจะมีแม่สื่อมาทาบทามค่ะ ตอนฉันเจอกับตัวก็มีการนัดแนะกันไปเจอที่ภัตตาคารเชียงการีลาในวันอาทิตย์ เรียกว่ามากันหมดทั้งพ่อแม่ฉันกับฉัน ฝั่งผู้ชายมาหมดเหมือนกัน พ่อแม่ พี่ชาย แม่สื่อ
โอ๊ย กินข้าวไปแม่สื่อก็อวยคุณสมบัติของฉันอย่างหรูหราไปชนิดที่ฉันต้องเหลือบมองหน้านิดหนึ่งพลางนึกในใจว่าเบาๆ หน่อย คนนะไม่ใช่หมูแม่พันธุ์ จำได้ว่าวันนั้นจะกินสบายๆ ไม่ได้เลย โดนมองตลอด มองทุกอิริยาบถ มือที่จับตะเกียบคีบก๋วยเตี๋ยวหลอดนี่สั่นจนหมูร่วง
ถามว่าชอบไหม บอกเลยว่าแค้นใจมากกว่าว่าทำไมเราต้องมาอยู่ในสภาพนี้ สภาพที่อึดอัดใจกับคนที่ไม่รู้จักกัน บ่นกับพ่อแม่ พ่อกับแม่ก็บอกว่ามันเป็นเรื่องปกติมากๆ สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้แต่งกันหรอกค่ะ เพราะฉันหนี ฮ่าๆ ล่าสุดผู้ชายคนนี้มีลูก 2-3 คนไปแล้ว ส่วนฉันก็สาวแก่ค่ะ กลายเป็นหมูแม่พันธุ์ที่ไม่มีสามี
ตอนอากงหรืออาม่าเสีย ในหนังมันต้องมาจัดคิวลูกชาย ลูกสาว ลูกสะใภ้ ลูกเขย หลานนอก หลานในอย่างไร ชีวิตจริงไม่มีดราม่าแบบนี้เลยค่ะ
ครอบครัวในซีรีส์นี้เรื่องเยอะนะคะ ของบ้านเรามีแต่เรื่องฮาๆ ใครเดินหน้าเดินหลัง หลานชายคนโตต้องรับภาระช่วยเดิน โอ๊ย เหนื่อยแทน
ตัวฉันเองดีใจค่ะ แค่ไปเดินอยู่ข้างหลัง พ่อเราลูกชายคนโต ต้องถือกระถางธูป ควันธูปเข้าตา เหงื่อหยด สงสารพ่อจะตาย ไม่มีใครมาดราม่าน้อยอกน้อยใจอะไรเลย สงสารแต่คนรับภาระเยอะ
พอมารุ่นพ่อของฉันตาย บ้านเราลูกหลานน้อย คิวเริ่มเปลี่ยน ฉันเป็นลูกสาวที่พ่อรักและดูแลพ่อตอนเสียชีวิต ประเพณีจีนที่เข้มงวดก็ลดลง แม่ของฉันก็ไม่ดราม่าเคร่งครัดประเพณี ลูกชายเดินนำ ตามด้วยหลานชายคนโต ตามด้วยลูกชายอีกคน แล้วก็มาลูกสาวก่อนลูกสะใภ้
พวกเพื่อนๆ แม่ที่เคร่งประเพณีก็มาปรามฉัน บอกว่าให้ฉันไปนั่งหลังสะใภ้ ฉันก็เถียงค่ะว่าฉันเป็นลูกสาว ฉันไม่ได้แต่งงาน ฉันขอนั่งก่อนสะใภ้ ฉันไม่ยอม เขาก็ช็อกกับพฤติกรรมของฉันมากที่กวนประสาทได้ขนาดนี้ แต่ก่อนจะอาละวาดแบบนี้ก็ได้ปรึกษาน้องชายก่อนแล้วนะคะ เพราะถึงเราจะซ่าขนาดไหน หมดพ่อ น้องชายคนโตก็เหมือนที่พึ่งของสาวแก่อย่างฉัน น้องชายบอกว่าไม่เคร่ง เพราะน้องรู้ว่าพ่อรักเรา น้องบอกนั่งไปเถอะ เราเลยกล้าผิดประเพณีค่ะ
แล้วพอช่วงเดินกงเต๊กของพ่อ พวกลูกๆ ของอาก็พาลูกของตัวเองมาเดินด้วย เพราะมองว่าพ่อฉันก็คือพ่อของทุกคน บ้านเรารักกันมากค่ะ ตรงข้ามกับปัญหาดราม่าแบบในซีรีส์จริงๆ
มาถึงเรื่องการแบ่งมรดก บอกเลยว่าบ้านเรานี่ตรงข้ามกับซีรีส์ก็ตรงที่อากง ‘จน’ เอาดีไม่ได้ เอารวยไม่เจอ แต่เราก็พอเล่าได้ เพราะมีประสบการณ์ของการที่ทั้งอากงและพ่อไปเป็นกรรมการแบ่งมรดกให้ครอบครัวอื่นค่ะ
ตอนอากงเป็นประธานการแบ่งมรดกให้ครอบครัวหนึ่ง คือจะแบ่งให้เฉพาะลูกชาย ส่วนลูกสาวที่แต่งออกอดหมด ไม่ต้องมาฝันเลย
ส่วนพ่อฉันเรียกว่าซวยหน่อย เพราะต้องไปแบ่งมรดกให้ครอบครัวเพื่อนตัวเอง แต่ดันอยากเป็นคนยุติธรรม มองว่าเพื่อนตัวเองเก่ง แต่พี่ชายเพื่อนไม่เก่ง เลยเป็นประธานแบ่งให้พี่ชายเพื่อนได้เยอะกว่า ส่วนเพื่อนรักตัวเองได้น้อยกว่า เป็นอย่างไรล่ะ สัมพันธ์สะบั้นเละเทะจนไม่เผาผี
มาถึงตอนอาม่าตาย อาม่าตายก่อนอากงหลายปี ก็แบ่งสมบัติเล็กๆ น้อยๆ ตามประเพณี ต่างหูประจำของอาม่าจะต้องให้สะใภ้คนโตคือแม่ของฉัน แล้วเข็มขัดเงินเส้นแพงของอาม่าจะต้องให้สะใภ้คนรอง คนอื่นๆ ก็จะได้เล็กๆ น้อยๆ กันไป แต่ไม่สำคัญมาก ส่วนฉันในฐานะหลานสาวนี่ไม่ควรได้อะไรด้วยอยู่แล้ว แต่อากงก็ให้ทองของอาม่าแก่ฉัน 5 บาท ฉันเอาไปฝากแม่ แม่ก็ยึดเลย บอกว่าทองเส้นนี้หม่าม้าเป็นคนให้อาม่าเอง อ้าว ซวยเลย แต่ไม่เป็นไร หม่าม้าของฉันเอาต่างหูอาม่ามาให้แทน ฉันก็ใส่จนหายไปแล้วค่ะ เวรกรรมเหมือนกัน
พอมาตอนอากงตาย คราวนี้ง่ายเลย ไม่มีดราม่าอะไร เพราะสมบัติที่อากงมีอยู่ก็เป็นของที่พ่อฉันให้ไปเยอะสุด ตามด้วยอาต่างๆ ไล่เลี่ยกันไป แต่ตอนอากงตาย ครอบครัวเราไม่แบ่งมรดกอยู่นานกว่าสิบปี จนกระทั่งทุกคนชราภาพมากแล้วจึงถึงเวลาต้องแบ่งให้จบๆ กันไปค่ะ
วิธีแบ่งก็คือแบ่งเป็น 9 กองให้เท่าๆ กันหมด ไม่มีเงินมีทองอะไรเหลือ ไม่มีหุ้น ไม่มีกิจการอะไร เพราะอากงไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะ ไม่ใช่ว่าคนจีนอพยพทุกคนที่เข้ามาในไทยจะประสบความสำเร็จเป็นเจ้าสัวกันหมดนะคะ ดังนั้นสมบัติที่แบ่งเป็น 9 กอง ใส่เลข แล้วจับฉลากเอาเลยค่ะ ง่ายๆ แล้วต่างคนต่างก็หิ้วของกลับกันไป บ้านใครบ้านมัน
แต่ถามว่า เฮ้ย ครอบครัวเอ็งจะอินโนเซนต์ใสซื่อขนาดนั้นเลยเหรอ แหม ทำเป็นไม่มีปัญหากัน รักกันปานจะแหกก้นดม ก็ไม่จริงหรอกค่ะ
เขียนเรื่องครอบครัว เราก็ต้องยอมรับความจริงที่กรีดเลือดที่ข้อมือตัวเองกันบ้างว่าเลือดจะข้นหรือความจริงจะข้นกว่า
มันก็มีบางคู่ของครอบครัวที่มีปัญหาซึ่งกันและกัน มันก็มีปัญหาที่ว่ายืมเงินกันแล้วไม่คืน โกหกหลอกลวงกันแล้วตีหน้าซื่อใส่กัน สร้างปัญหาให้ต้องมาแก้ไขให้ ‘มัน’ มีหมดแหละค่ะ ไม่ว่าครอบครัวไหน
ในรุ่นอากง บอกได้เลยว่าอากงทำให้เหล่าแปะ พี่ชายของอากงวุ่นวายใจเดือดร้อนพอสมควรเลยทีเดียว แต่พอมารุ่นพ่อแล้ว พ่อฉันคือคนโตสุดที่อยู่ในเมืองไทย ก็ได้เป็นที่พึ่งพาของทั้งสองบ้าน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ดีอยู่
แต่อย่างที่บอกว่าทุกครอบครัวมีปัญหา โดยเฉพาะเมื่อมันรวยไม่เท่ากัน มันเห็นใครรวยกว่าใครก็อยากจะเบียดเบียนกัน ก็เป็นอะไรที่อึดอัดใจ แม่ฉันก็ไม่เข้มแข็งพอจะปกป้องผลประโยชน์ให้ลูกตัวเอง พ่อของฉันก็รักครอบครัวใหญ่ของอากงมากกว่าครอบครัวเล็กๆ ของตัวเอง ความขัดแย้งมันก็เกิดขึ้น แต่ก็พยายามเอาอากงอาม่าเป็นหลักแล้วให้ปัญหามันซ่อนอยู่ใต้พรมใหญ่
แต่พอวันที่หมดอาม่า หมดอากง ทุกอย่างก็เหมือนแพแตก ถ่อหักอย่างไรอย่างนั้น ความขัดแย้งชัดเจน แต่ก็ไม่บานปลาย เป็นเพราะว่าความมีฐานะมันไม่ได้อยู่ที่อากง แต่อยู่ที่พ่อและอาของฉันบางคน
เป็นธรรมดา เมื่อน้องลำบาก พี่ชายก็ต้องเข้าช่วยเหลือและปกป้อง ช่วยเหลือเพื่อไม่ให้เสียชื่อตระกูล ปกป้องเพื่อไม่ให้เสียชื่อตระกูล ช่วยเหลือเพราะเห็นแก่นามสกุลแซ่เดียวกัน ปกป้องเพื่อไม่ให้สาหัสสากรรจ์ไปกว่านี้ แต่แล้วบางครั้งความช่วยเหลือก็เหมือนเสียเปล่า เพราะคนจีนสอนให้กตัญญูกับพ่อแม่ แต่ไม่ได้สอนให้กตัญญูกับผู้มีพระคุณ และการเบียดเบียนก็นำมาซึ่งความขัดแย้งกันเป็นคู่ๆ เป็นกลุ่มๆ อยู่ที่ใครจะเข้าข้างใคร ท้ายสุดมันก็มีรอยร้าวอย่างเป็นธรรมชาติตามกาลเวลาทุกครอบครัว
มันก็เป็นธรรมดาที่พ่อแม่จะไม่บอกความจริงกับลูกเพื่อให้พ่อแม่ดูดีที่สุดในสายตาลูก แล้วรุ่นหลานก็ต้องมาเกลียดกันเอง
ใช่ค่ะ มันมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในครอบครัวเราเช่นกัน แต่คนจีนอย่างเราก็มีกฎกติกาว่าความในอย่านำออก ความนอกอย่านำเข้า
จะรักจะเกลียด ให้เก็บไว้กับตัวเอง เก็บไว้ในบ้าน
ในทุกครอบครัวก็มีแกะดำ
เช่นเดียวกับที่ในประเทศนี้มีแกะดำ
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์