กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกเหลือ 3.2% ในปีนี้ และ 3.5% ในปี 2020 เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงมากมายในระบบเศรษฐกิจ ทั้งสงครามการค้า ความไม่แน่นอนในกระบวนการ Brexit และความขัดแย้งทางเทคโนโลยี
เป้า GDP โลกถูกปรับลดลงจากระดับ 3.3% และ 3.6% ที่ IMF คาดการณ์ไว้ในเดือนเมษายน โดยทางกองทุนฯ ระบุว่า เศรษฐกิจโลกถูกกดดันให้ขยายตัวช้าลง ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนในการลดความตึงเครียดทางการค้าและเทคโนโลยีลง
นอกจากนี้ IMF ยังเตือนว่า หากรัฐบาลสหราชอาณาจักรภายใต้การบริหารประเทศของ บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ไม่สามารถทำข้อตกลง Brexit กับสหภาพยุโรป (EU) ได้ทันเส้นตายในวันที่ 31 ตุลาคม ก็จะทำให้เกิดกรณี No-deal Brexit หรือการแยกตัวจาก EU โดยไร้ข้อตกลง ซึ่งนั่นเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลก
นอกจาก No-deal Brexit แล้ว การขยายกำแพงภาษีระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงกำแพงภาษีรถยนต์ของสหรัฐฯ ก็เป็นความเสี่ยงอย่างใหญ่หลวงเช่นกัน เพราะเป็นปัจจัยที่จะบั่นทอนความเชื่อมั่น ลดการลงทุน ทำให้ห่วงโซ่อุปทานยุ่งเหยิง และฉุดรั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในท้ายที่สุด
IMF ระบุว่า มูลค่าการค้าทั่วโลกหดตัวลงราว 0.5% ในไตรมาสแรกของปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสะท้อนความตึงเครียดทางการค้า และเป็นอุปสรรคต่อการลงทุน
สำหรับประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และยุโรป ยังมีแรงกดดันเงินเฟ้อในระดับต่ำ ซึ่งส่งผลให้ธนาคารกลางอย่าง Fed, BOJ และ ECB คงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หรือเพิ่มมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน โดยคาดว่า Fed จะมีมติลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 25 จุดในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินในปลายเดือนกรกฎาคมนี้ ขณะที่มาริโอ ดรากี ประธาน ECB ได้ส่งสัญญาณว่าจะเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหากเศรษฐกิจไม่กระเตื้อง
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: