“ทำไมมนุษย์ถึงต้องการ Life Coach เพื่อทำให้ชีวิตของตัวเองสมบูรณ์แบบ ในเมื่อมนุษย์นั้นไม่ได้ถูกสร้างมาให้สมบูรณ์แบบ” ข้อความข้างต้น คงเป็นประโยคที่ใช้อธิบายนิทรรศการครั้งนี้ของ โน้ต-อุดม แต้พานิช ได้ดีที่สุด ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘I Need a Life Coach’ ประโยคสั้นหยอกล้อเรื่องราวในสังคมปัจจุบัน
เดี่ยวไมโครโฟน คือบทบาทของโน้ต อุดมที่เราทุกคนคุ้นกันเป็นอย่างดี แต่ด้วยหน้าที่ของผู้สร้างเสียงหัวเราะ ทำให้เราไม่ค่อยได้เห็นความรู้สึกหรือการแสดงออกด้านหม่นของเขานัก การทำงานศิลปะจึงกลายเป็นทั้งงานประจำ งานอดิเรก สิ่งเยียวยาจิตใจ และเปรียบเสมือนไดอะรีประจำวันที่เขาสามารถมีพื้นที่ปลดปล่อยทุกพลังงานบวกและลบในใจได้
เขาถ่ายทอดทุกห้วงอารมณ์และเหตุการณ์ในชีวิตแต่ละครั้งของเขาผ่านงานศิลปะ ในรูปแบบ อีพ็อกซี (Epoxy) เหล็ก ผ้าแคนวาส และงานไม้ โดยแต่ละงานล้วนมีเอกลักษณ์ไปในทิศทางเดียวกัน ที่เขาเรียกมันว่า ศิลปะแบบเด็กๆ ที่สำหรับเขามันหมายความถึงศิลปะที่ไร้กรอบและไร้ขอบเขต ไม่ต้องคำนึงถึงเหตุผล ความเป็นไปได้ หรือคำนึงถึงทัศนคติของคนในสังคม
บทความที่เกี่ยวข้อง:
อย่างนั้นแล้ว หากการทำ เดี่ยว เป็นสิ่งที่ต้องทำเพื่อเอาใจผู้ชม การทำงานศิลปะนี้ก็คงเป็นการทำเพื่อเอาใจตัวเองเช่นกัน งานศิลปะทุกชิ้นจึงถูกสร้างขึ้นมาจากจินตนาการและอารมณ์ของเขา ที่อยากจะทำตอนไหนก็ได้ อยากจะตกแต่ง อยากจะแต้ม อยากจะใช้เวลานานแค่ไหน สามารถทำได้ทุกอย่างดั่งที่เขาต้องการและพึงพอใจ
ทุกงานที่เราเห็นในนิทรรศการ I Need a Life Coach ครั้งนี้เกิดจากการสะสมผลงานตลอดหลายปี ที่เพนติ้งบางภาพถูกวาดในปี 2557 หรือ 2558 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน และหนึ่งในสิ่งที่โดดเด่นที่สุดก็คือคาแร็กเตอร์สัตว์ประหลาด ที่เรียกแบบนั้นเพราะสัตว์แต่ละตัวไม่มีตัวไหนเป็นไปตามแบบที่คนในสังคมคุ้นชินนัก
อย่าง ‘เจ้าฉลามโง่’ หนึ่งชิ้นดาวเด่นของงาน บอกเล่าเรื่องราวของฉลามที่แทบจะสูญสิ้นความเป็นสัตว์น้ำที่ดุร้าย ทั้งฟันที่หักหลอ ทักษะการว่ายน้ำที่เป็นศูนย์ แถมยังต้องใส่ห่วงยาง และจากที่จะมีหางเหมือนสัตว์ตระกูลปลาในตำราวิทยาศาสตร์ ดันกลายเป็นปลาที่มีเท้าไว้ใช้เดินแทนซะอย่างนั้น
และในบรรดาสัตว์ประหลาดที่งุนงงเหล่านั้น สัตว์หรือหุ่นบางตัวก็ได้ซ่อนเรื่องราวของเขาเอาไว้เช่นเดียวกัน อย่างเม็ดยาที่อยู่บนหลายๆ งานของเขา ก็สื่อเป็นนัยว่าช่วงเวลานั้นที่เขาอายุเริ่มมาก การกินยาได้กลายเป็นอีกหนึ่งอย่างที่แทบจะเป็นกิจวัตรประจำวันของเขาเองแล้ว
นอกเหนือไปกว่าการสร้างสัตว์ประหลาดที่ไม่สมบูรณ์แบบและมีเรื่องราวแทนไดอะรีได้แล้วนั้น งานศิลป์ประเภทอื่นของเขาเองก็สร้างความประทับใจได้ไม่แพ้กัน อย่างงานแคนวาส งานที่เจ้าตัวเองไม่ค่อยชอบที่จะทำมันนัก เพราะเล่นกับจินตนาการของเขาได้ยาก แต่เขาก็ดันทำมันออกมาได้ดีไม่แพ้งานอื่นเลย
เขาเลือกที่จะเล่นกับผ้าแคนวาสด้วยการตัดผ้าแคนวาสในหลายๆ ผืนออกมา และประกอบขึ้นมาใหม่ด้วยการเย็บ คล้ายกับการแกะ เลาะ เสื้อผ้า กระโปรง แล้วนำมาทำให้กลายเป็นเครื่องแต่งกายชิ้นใหม่ งานของเขาเองก็เช่นกัน เขาเย็บมันขึ้นมาใหม่และวาดเพิ่มลงไป
หรืออย่างตัวงานประเภทไม้เอง เขาก็ตั้งใจเจาะด้วยมือ เพราะไม่ต้องการให้เส้นมันดูตรง ทื่อจนเกินไป ตลอดจนกรอบทองหรือตู้โชว์ที่ปรากฏอยู่ในนิทรรศการ เขาก็ล้วนสร้างมันขึ้นมาเอง
และทั้งหมดนี้ก็เป็นการบรรยายเพียงส่วนหนึ่งของงาน ที่อยากชวนให้ทุกคนลองไปสัมผัสกับบรรยากาศของเหล่ากองทัพหุ่นที่ถูกเรียกว่าสัตว์ประหลาดจากความไม่สมบูรณ์แบบ อีกทั้งในตัวงานเองก็มีโปรเจ็กเตอร์ฉายวิดีโอที่เล่าถึงความเป็นมาของงานศิลปะของเขาตั้งแต่แรกเริ่ม ที่ยังคงสร้างเสียงหัวเราะเบาๆ ให้กับผู้แวะมาชม
นิทรรศการนี้นอกจากจะได้เสพสุนทรียะจากตัวงานศิลป์แล้ว ยังทำให้ได้ฉุกคิดและตั้งคำถามกับตัวเองได้เช่นกันว่า แท้จริงแล้ว เราต้องการความสมบูรณ์แบบในชีวิตไปเพราะอะไร แล้วถ้าหากไม่สมบูรณ์แบบแล้ว จะเป็นอย่างไรไป…
I Need a Life Coach จัดแสดงวันที่ 21 พฤษภาคม – 24 กรกฎาคม 2565 เวลา 11.00-22.00 น. (ทุกวัน) ณ RCB Galleria 2 ชั้น 2, River City Bangkok ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/Trendygallery.art/