×

ชีวิตที่เลือกได้ และทุกอย่างต้องเวิลด์คลาส กับ พฤสณัย มหัคฆพงศ์ [Advertorial]

โดย THE STANDARD TEAM
12.12.2018
  • LOADING...

ชีวิตเป็นของเรา และเราสามารถเลือกใช้ชีวิตในแบบที่เราต้องการได้จริงหรือเปล่า

 

คือคำถามใหญ่ของคนในยุคปัจจุบันที่เร่งใช้ชีวิตอย่างหนัก ภายใต้ข้อจำกัดของสังคม เพื่อทำงาน เก็บเงิน สร้างชีวิตที่ ‘มั่นคง’ และหวังว่าสักวันหนึ่งเงินทองที่สะสมมาได้จะทำให้เราสามารถเลือกใช้ชีวิตได้อย่างที่ต้องการจริงๆ

 

I Am What I Am ชีวิตสร้างตามใจชอบ คือแนวคิดที่จะช่วยตอบคำถามและสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนสามารถ ‘เลือกใช้ชีวิต’ ได้ตามที่ตัวเองต้องการ เหมือนอย่างที่ แป๊ก-พฤสณัย มหัคฆพงศ์ คนรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนจุดเริ่มต้นของตัวเองจากการชอบฟุตบอล สู่การเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และกลายเป็นตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวที่ได้สิทธิ์ในการขายตั๋วฟุตบอลโลกในประเทศไทย

 

แต่ความสำเร็จเหล่านั้นนับว่าเป็นเพียงหนึ่งเป้าหมายเล็กๆ ที่แป๊กวางเป้าหมายว่า ต้องมีทั้งความมั่นคงในชีวิต มีเวลาเหลือเพื่อทุกสิ่งที่ตัวเองรัก รวมทั้งการท้าทายตัวเองในขั้นต่อไปกับธุรกิจระดับเวิลด์คลาส

 

กว่าจะมาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ เลือกสร้างชีวิตตามใจชอบได้แบบนี้ ในวัยเด็กคุณเป็นคนแบบไหน และเติบโตมากับชุดความคิดแบบใดบ้าง

ผมเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งเลยนะที่พ่อแม่ตามใจ อาจจะไม่ได้ตั้งใจเรียนมาก แต่ไม่ถึงขั้นเกเร แล้วโตมาด้วยความฝันที่หลากหลายมาก ตั้งแต่อยากเป็นนักโบราณคดีเพราะชอบดูการ์ตูนโดราเอมอน พระเอกหนังโป๊ (หัวเราะ) แล้วก็นักธุรกิจ แต่ที่ชอบมากที่สุดคือการเป็นนักฟุตบอล ชนิดที่เรียกว่าระหว่างนั่งเรียนอยู่ก็คอยมองท้องฟ้าว่าฝนจะตกหรือเปล่า รอแต่ว่าจะได้เล่นฟุตบอลที่เราชอบไหม

 

จนมาเจอจุดเปลี่ยนแรกในชีวิตคือตอน ม.4 ที่สอบตก 7 วิชา แต่แฟนผมเป็นคนเรียนเก่งมาก แล้วผมเป็นคนทำอะไรทำจริงมาตั้งแต่เด็ก จากไม่เคยเรียนหนังสือ ก็มาตั้งหน้าตั้งตาทำแบบฝึกหัด 200-300 หน้า เพราะอยากจะเรียนให้ดีไม่น้อยหน้าแฟน และอยากเข้ามหาวิทยาลัยด้วยกัน จนผลการเรียนดีขึ้นมาบ้าง

 

 

แล้วพอเข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็เจอจุดเปลี่ยนอีกคือ ผมเรียนภาคอินเตอร์ แต่อ่อนภาษามาก ปีแรกได้เกรด 0.97 แล้วโดนพักการเรียน โชคดีที่พ่อแม่ไม่ว่าอะไรเพราะเห็นว่าเราเป็นเด็กดี ก็เลยส่งไปเรียนภาษาที่อเมริกา 3 เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่สำคัญกับชีวิตผมมากๆ เพราะทำให้เห็นโลกกว้าง ช่วงนั้น บิล เกตส์ กำลังมา ตอกย้ำให้เห็นว่าคนเราไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งก็ประสบความสำเร็จได้ ถ้าเรามั่นใจในสิ่งที่ตัวเองทำ และเห็น Business Model หลายๆ อย่าง รวมทั้งไปอ่านหนังสือเจอแนวคิดที่ว่า คนเราต้องพบกับความล้มเหลวมาก่อน 3 ครั้งถึงจะประสบความสำเร็จ ก็เลยกลับมาเริ่มต้นทำธุรกิจอย่างจริงจัง เพราะคิดว่าถ้าจะต้องเจอความล้มเหลว เราก็อยากเจอให้เร็วที่สุด

 

ธุรกิจแรกที่เริ่มทำหลังจากนั้นคืออะไร

เสี่ยงโชคเรื่องฟุตบอลตอนปี 1 ครับ (หัวเราะ) ตอนนั้นเราแค่สนุกกับการหาเงิน ก็เริ่มจากวิธีง่ายๆ เปิดหนังสือพิมพ์กีฬาดูพวกทีเด็ดจากกูรู แล้วก็กาตามเขา แต่ทำไปแป๊บเดียวก็รู้ว่าไม่เวิร์ก เพราะเราไม่ได้ศึกษามันอย่างจริงจัง พอขึ้นปี 2 ก็เริ่มเล่นหุ้น คราวนี้ศึกษาหาข้อมูลมากขึ้น อ่านหนังสือ ดูข่าวสารต่างๆ เริ่มลงทุนจาก 50,000 บาท จนมีช่วงหนึ่งมีเงินในพอร์ตถึง 500,000 บาท แต่สุดท้ายก็ไปพลาดจนเหลือแค่ 20,000 บาท แต่ไม่เสียใจนะ ถือว่าเป็นการเรียนรู้ และทำให้ผมชัดเจนมากขึ้นว่าเราชอบความท้าทายตรงนี้ และสนุกเวลาเห็นตัวเลขในบัญชีวิ่งขึ้นเรื่อยๆ

 

พอเรียนจบก็กลับมาทำธุรกิจส่วนตัว เป็นธุรกิจส่งออกผักไฮโดรโปนิส์ อันนี้จริงจังมาก นอนเที่ยงคืน ตื่นตี 4 ทุกวัน แล้วรายได้ดีเลย เฉพาะกำไรอย่างเดียวเดือนละเกือบ 200,000 บาท จนช่วงหนึ่งไปกู้แบงก์ เพราะอยากขยายธุรกิจ แต่ตัวเรายังไม่พร้อม ประกอบกับมีปัญหากับหุ้นส่วน ก็เลยเลิกทำ แล้วก็ไปเป็นผู้จัดการร้านจิวเวลรีที่หัวหิน งานไม่หนัก วันๆ ไม่ทำอะไร ว่างก็เล่นเกม แต่รู้สึกว่าชีวิตที่เราต้องการไม่ใช่แบบนี้

 

แล้วช่วงนั้นแฟนผมเริ่มทำ Amway ด้วยความที่แฟนเป็นคนตั้งใจทำงาน ฉลาด ก่อนจะทำอะไรเขาต้องคิดมาเป็นอย่างดี แล้วไปเจอประโยคหนึ่งตอนไปครั้งแรกที่บอกว่า “คนส่วนใหญ่เกิดมาแล้วเรียนเยอะ เรียนหนัก หลังจากนั้นก็ทำงานหนักๆ หลังจากนั้นก็ไปใช้เงินที่โรงพยาบาล แล้วก็ตาย” ฟังแล้วรู้สึกว่ามันจริงมาก ก็เลยตัดสินใจเข้ามาศึกษาธุรกิจตรงนี้

 

ด้วยหลักคิดเดิมคือ จะทำอะไรต้องเต็มที่ ลุยเต็มตัว ลดกำแพงความติสท์ แล้วเปลี่ยนความคิดเป็นนักธุรกิจมากขึ้น เพราะตอนนี้อยากให้เป็นช่วงสร้างตัว นี่คือวาระเร่งด่วนที่ต้องทำเป็นอันดับแรก เมื่อมั่นคงแล้วเราจะมีเวลาไปทำในสิ่งที่อยากทำ เพราะถ้าไม่อย่างนั้นไม่ใช่แค่คุณคนเดียวที่เดือดร้อน แต่คนในครอบครัวก็จะเดือดร้อนไปด้วย

 

คิดว่าช่วงเวลาไหนคือช่วงเวลาที่คุณภูมิใจมากที่สุดในชีวิต

ทุกช่วงที่เราได้ทำในสิ่งที่เราต้องการและมีความสุขไปกับมันจริงๆ ต้องย้อนไปก่อนว่าช่วงที่ไปเรียนอเมริกา ผมได้รู้จักกับเทคโนโลยีและได้ลองทำเพลง ซึ่งเป็นอีกสิ่งที่รัก หรือช่วงไปอยู่ออสเตรเลียตอนปี 3 ก็เกิดอารมณ์ติสท์ไปแต่งเพลงใต้ต้นไม้อยู่ 3 เดือนแบบไม่ได้เอาเวลาไปทำประโยชน์อย่างอื่นเลย สุดท้ายก็ทำได้ไม่ดี เพราะพื้นฐานด้านอื่นเรายังไม่มั่นคง

 

แต่พอเราสร้างตัวได้ปุ๊บ ทีนี้เรามีเวลาได้ทำทุกอย่างที่ชอบแบบเต็มที่จริงๆ ก็เริ่มจากเอาเพลงของพี่บอย (บอย โกสิยพงษ์) มาทำใหม่ ล่าสุดก็ไปทำเพลงกับพี่บอย (ตรัย ภูมิรัตน) ใช้เวลาทุ่มเทอย่างเต็มที่เพราะมีความสุขมากที่ได้ทำ เดี๋ยวคงได้ฟังกันเร็วๆ  นี้

 

แล้วไม่ใช่แค่เพลง แต่หมายถึงทุกอย่างที่เราชอบ เทคโนโลยี แฟชั่น ที่อยากจะมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเอง คิดไว้ว่าจะร่วมงานกับ Supreme, Louis Vuitton, Chanel ตอนนี้เป้าหมายหลักหลังจากสร้างตัวได้ของเรามันจะข้ามขั้นแค่การสร้างตัวหรือหาเงิน ไปเป็นความท้าทายในการทำสิ่งที่ตัวเองฝันให้ดีที่สุด แพสชั่นของผมคือทุกอย่างต้องทำได้ในระดับเวิลด์คลาสเท่านั้น

 

 

กับฟุตบอลที่เป็นความฝันตั้งแต่วัยเด็ก ได้กลับมาทำอะไรบางอย่างเพื่อสานฝันนั้นอีกครั้งบ้างไหม

ตอนบอลโลกปีล่าสุด เริ่มจากผมอยากได้ตั๋วที่ดีที่สุด ก็เลยอีเมลไปหาเขา แล้วบอกเขาว่าทำไมไม่ลองมาเปิดตลาดในประเทศไทย เขาคงเห็นว่าผมเป็นคนจริงใจ ทำอะไรทำจริง ก็บินมาสัมภาษณ์ แล้วชวนให้ผมเป็นตัวแทนจำหน่ายตั๋วฟุตบอลโลกในประเทศไทย

 

แล้วการทำงานกับธุรกิจระดับโลกคือเรื่องที่ดี ถือว่าเป็นการเรียนรู้ที่สำคัญมาก เพราะจะทำให้เราเห็นว่าโลกนี้มีคนเก่งเต็มไปหมด และยิ่งเราทำงานกับคนเก่งมากเท่าไร เราจะยิ่งเก่งเท่านั้น เราสามารถพัฒนาตัวเองได้ไม่มีวันจบ

 

เราจะสามารถเอาตัวรอดและประสบความสำเร็จได้อย่างไร ในโลกที่มีคนเก่งแบบที่คุณว่ามากมายเต็มไปหมด

ต้องรวมหลายๆ อย่างไว้ด้วยกัน ทั้งความตั้งใจ การเรียนรู้ พัฒนาตัวเอง และที่สำคัญคือเป็นคนเก่งอย่างเดียวไม่พอ ต้องเป็นคนดีด้วย แต่เอาจริงๆ ผมก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันนะว่าสามารถเรียกตัวเองว่าเป็นคนเก่งและคนดีได้อย่างนั้นจริงๆ หรือเปล่า แต่ผมรู้สึกว่าผมอยากเป็นคนธรรมดาที่เลือกทำทุกอย่างด้วยแพสชั่นที่ท้าทายตัวเองไปเรื่อยๆ

 

 

เป้าหมายต่อไปที่กำลังท้าทายตัวคุณอยู่ในตอนนี้คืออะไร

ผมคิดว่าในอนาคตผมคงไม่มีลูก แต่สิ่งที่อยากทำคือการให้การศึกษาทางเลือกกับเด็ก แต่มันจะต้องเป็นแผนระยะยาวที่มากกว่าการบริจาคเงินแล้วจบ ตอนนี้ที่ผมคิดไว้คือจะเก็บเงินสดให้ได้ เพื่อสร้างแพลตฟอร์มการศึกษาขึ้นมา แล้วให้เด็กทุกคนมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาตรงนี้แบบฟรีๆ จะเป็นแพลตฟอร์มที่เน้นโอกาสทางความคิด เพราะตัวเองก็ไม่ใช่คนเก่ง แต่ผมอยากให้ได้มาเรียนรู้เรื่องโอกาสทางความคิด เพราะสิ่งสำคัญอย่างแรกคือคุณต้องรู้ก่อนว่าในโลกใบนี้มีโอกาสและความเป็นไปได้อยู่เต็มไปหมด และยิ่งคุณรู้ถึงทางเลือกที่หลากหลายมากเท่าไร โอกาสในการประสบความสำเร็จก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

 

ถ้ามีโอกาสเป็นอาจารย์สอนในแพลตฟอร์มการศึกษานี้ คุณจะเลือกสอนวิชาอะไร

วิชา Mindset ผมว่าคนเราจะอยู่ได้ต้องมีแกนชีวิตที่ต้องตามคุณธรรมและสัจธรรมความเป็นไปของโลก นี่คือแก่นแท้ของทุกอย่าง ที่เหลือเป็นเพียงสิ่งเคลือบเท่านั้น ซึ่งสัจธรรมเหล่านั้นก็จะมีหลายอย่าง ตั้งแต่ความขยัน ความกตัญญู ความอดทน ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานที่พูดง่ายมากเลยนะ แต่ทำยากหากไม่รู้หลักการคิดที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นนี่คือสิ่งที่ผมอยากถ่ายทอดต่อให้เด็กๆ รุ่นต่อไปรับรู้

 

 

ในความคิดของคุณ คิดว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้สามารถใช้ชีวิตแบบ I Am What I Am ได้คืออะไร

สำหรับผมคือ Real ความจริงเป็นสิ่งสำคัญมาก ไม่ว่าจะเก่งหรือประสบความสำเร็จแค่ไหนก็ไม่ควรเสแสร้ง แล้วผมก็เป็นคนแบบนี้มาตลอด อย่างที่ผมเล่าให้ฟังทั้งหมดตั้งแต่เด็กผมเป็นอย่างไรก็พูดแบบนั้น ดีก็บอกว่าดี ไม่ดีก็บอกว่าไม่ดี เป็นแบบนี้มาทั้งชีวิต ไม่รู้ว่าจะมาสร้างภาพให้เหนื่อยทำไม

 

รวมทั้งความจริงในการเลือกทำธุรกิจหรือสิ่งที่ชอบแต่ละอย่าง ผมก็ไม่เคยโกหกตัวเอง ผมทำทุกอย่างที่สนใจ ชอบ รัก และมีแพสชั่นกับมันจริงๆ มาตั้งแต่เด็ก การโกหกตัวเองอาจทำให้ชีวิตมีความสุขหรือประสบความสำเร็จได้ แต่ก็แค่ชั่วคราว ความจริงและความซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองต่างหากที่ทำให้คุณประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน และเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จและสามารถเลือกใช้ชีวิตตามที่ใจต้องการได้ในทุกวันนี้

 

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ FB: ชีวิตสร้างตามใจชอบ

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X