ช่วงนี้มีเพลงใหม่ๆ น่าสนใจเยอะมาก ผมนั่งเปิดหาใน Apple Music เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แล้วก็กด + ใส่มาใน Library หลายอัลบั้ม แต่ที่น่าสนใจที่สุดของช่วงนี้กลับเป็น 24 : How To Find True Love and Happiness มินิอัลบั้มของ Hyukoh
เพลง Love Ya!
24 : How To Find True Love and Happiness อีพีหรือมินิอัลบั้มใหม่ของ Hyukoh (ฮยอกโอ) มีทั้งหมด 6 เพลง พวกเขายังคงเป็นวงอินดี้ร็อกเกาหลีที่เราๆ น่าจะรู้จักมากที่สุด เพราะเพิ่งมาเล่นคอนเสิร์ตในเมืองไทยไปเมื่อปลายปีที่แล้ว
อีพีชุดนี้เป็นชุดที่ 3 ของวง ต่อจาก ‘20’ ในปี 2014 และ ‘22’ ในปี 2015 และต่อมากับอัลบั้มเต็ม ‘23’ ที่ออกเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเดาไม่ยากว่าชื่ออัลบั้มมาจากอายุของสมาชิกในวงขณะที่ออกอัลบั้มหรืออีพีนั้นๆ สมาชิกในวงมี 4 คน นำโดย โอฮยอก นักร้องและนักแต่งเพลงประจำวง เจ้าของเหม่งสุดเท่ เสียงแหบๆ ไม่มีใครเหมือน, ลิมฮยอนแจ มือกีตาร์ ที่มีส่วนช่วยแต่งประมาณ 2 เพลงในอีพีนี้, อิมดงกอน เล่นเบส และ อีอินอู มือกลอง
Hyukoh ขึ้นชื่อในฐานะที่เป็นวงอินดี้ฝ่ากระแส K-Pop จนมายืนแถวหน้าได้ด้วยฝีมือล้วนๆ ผลงานในอีพีแรกๆ จะเป็นการผสมผสานหลายๆ แนวทั้งฟังก์ โซล ร็อก อาร์แอนด์บี หรือว่าร็อกที่มีกลิ่นแจ๊ซ เรียกได้ว่าฉีกภาพ K-Pop ที่เราเคยมีทิ้งแบบไม่เหลือชิ้นดี รวมไปถึงการได้ทำเพลง Wonderful Barn ในโปรเจกต์ของรายการ Infinite Challenge ที่พาพวกเขาให้ดังขึ้นไปอีก ส่วนตัวผมว่าเป็น Southern Rock ที่โคตรมันเลย
เพลง Wi Ing Wi Ing (Live)
เพลง Tomboy
เพลงเด่นๆ จากอัลบั้มเมื่อปีที่แล้วก็จะมี Tomboy เป็นเพลงที่ดังที่สุด ซึ่งถ้ามองว่าวงเพิ่มเริ่มได้จริงจัง 4 ปี ก็ต้องบอกว่าวงนี้ขยันใช้ได้กับจำนวนเพลงที่มีออกมาให้ได้ฟังกันแทบจะทุกปี แถมโอฮยอก นักร้องนำ ยังมีงานดนตรีที่ไปร่วมกับชาวบ้านมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะสายอาร์แอนด์บีและอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะผลงานชิ้นล่าสุดเมื่อ 4-5 เดือนก่อนกับ Cifika แนะนำให้ฟังและดูมิวสิกวิดีโอเพลงนี้เลย
Cifika
กลับมาที่อัลบั้มนี้ Hyukoh มาแปลกหน่อยตรงที่มีชื่อสร้อยท้ายอัลบั้ม 24 ว่า How To Find True Love and Happiness ซึ่งตามข่าว อีพีนี้คือการเขียนเพลงรักครั้งแรกของวงในเพลง Love Ya! ผมว่าตรงนี้น่าสนใจมาก และทำให้ต้องไปไล่หาเนื้อเพลงมาอ่านว่า โอฮยอก นักร้องนำผู้แต่งเพลงหลักของวงคิดและพยายามจะสื่อสารอะไร เนื้อเพลงในอีพีนี้เกือบทุกเพลงเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งวงก็เคยออกเพลงที่เป็นเนื้ออังกฤษมาก่อนแล้ว แต่ผมว่าแฟนต่างชาติอย่างเราๆ ถ้าไม่คุ้นชินกับสำเนียงเขา ก็คงต้องหาเนื้อเพลงมาอ่านอยู่ดีนะ
ในภาคดนตรี มีความเปลี่ยนแปลงตรงที่ดนตรีดูซับซ้อนน้อยลง มีความเป็นร็อกตรงๆมากขึ้น ไม่ค่อยทดลองเยอะในแบบอีพีแรกๆ ซึ่งเป็นทางที่เริ่มเห็นมาตั้งแต่อัลบั้มเต็มเมื่อปีที่แล้ว ถึงแม้จะแอบเสียดายความหลากหลายอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้อีพีนี้ลดทอนความดีงามลงไปเลย ที่น่าสนใจคือพอดนตรีมันโฟกัสลงแนวเดียวมากกว่าเดิม ก็เห็นชัดขึ้นว่าเพลงร็อกจากยุคปลายๆ 60s ต่อ 70s มีอิทธิพลต่อเพลงของ Hyukoh อยู่พอควร
Graduation เพลงแรกของอีพี 24 นี้มีความสนุกสนานแบบยุค 60s ที่ชวนให้นึกถึงกลุ่มงานของ Belle and Sebastian ที่ออกกับ Matador Records (จริงๆ Show Me the Sun จาก How to Solve Our Human Problems, Pt. 2 ของ Belle and Sebastian ที่เพิ่งออกเมื่อต้นปีก็ให้อารมณ์เพลงเดียวๆ กันนะ) เพียงแต่ว่าเพลงของ Hyukoh จะไปทางร็อกมากกว่าของ B&S พอควร เนื้อเพลงเพลงนี้ก็ฮาดีเหมือนกันตรงที่ท่อน Verse จะคล้องจองด้วยสระ ‘เออ’ ตลอด ผมตีความเอาเองว่าเป็นจังหวะกระอักกระอ่วนในปาร์ตี้ที่หนุ่มแกล้งตีซี้กับสาวโดยขอยืมไฟแช็ก แต่สาวเจ้าก็ตั้งใจทอดสะพานให้อยู่แล้ว
อีกอิทธิพลที่ออกมาชัดมากๆ คือความเป็นป๊อปแบบ The Beatles ใน Love Ya! เพลงหลักของอีพีนี้ ที่เหมือนเป็นเพลงง่ายๆ ร้องตามสบายๆ ยิ่งฟังหลายๆ รอบก็มีรายละเอียดน่าสนใจดี แน่นอนว่าตัวเพลงพูดถึงความรัก และต่างฝ่ายต่างตกหลุมรักกันอย่างเต็มที่ โดยที่โอฮยอกให้สัมภาษณ์ไว้ว่า เขาแต่งเพลงนี้เพื่อเป็นการสนับสนุนความรักทุกรูปแบบบนโลก ซึ่งถ้าได้กดดูมิวสิกวิดีโอก็ชัดเจนแบบนั้นเลย รู้สึกได้ถึงความรักที่หลากหลาย สวยงาม และไม่ตัดสินกัน
เพลงถัดไปในอัลบั้มคือ Citizen Kane จะกระชากอารมณ์และบังคับให้ขยับแข้งขาตามจังหวะที่เร่งเร้า เป็นเพลงโปรดของผมเลย มันมีความเป็นร็อกย้อนๆ ไปยุค 60s เยอะหน่อย (หรือใครจะตีว่าเป็น Arctic Monkeys สองชุดแรกก็พอได้) ผมนี่แอบจินตนาการว่าโอฮยอกใส่กางเกงขาบาน ใส่เสื้อแบะอก ผมยาวเป็น Hair Band โซโล่กีตาร์ด้วยฟันอะไรแบบนั้นเลย ยิ่งตอนเสียงกรีดร้องนะ ยิ่งชอบ!
ส่วน Gang Gang Schiele เป็นเพลงที่โคตรเศร้าในทำนองโคตรสวย เพลงนี้วงบอกว่าแต่งตอนพวกเขาอยู่เยอรมนีในช่วงที่มีข่าวความพยายามปรองดองระหว่างสองเกาหลี ภาคดนตรีส่งอารมณ์หม่นเศร้าเข้ากับเนื้อร้องท่อนท้ายที่เขาบอกว่า ‘วันนี้ไม่ง่ายเลย’ แต่ถ้าจะมีวันนั้นเขาก็พร้อมจะพูดว่า ‘I am truly sorry’ ผมว่าเป็นบทเรียนครั้งสำคัญระหว่างสองประเทศจากการทะเลาะกันมาหลายสิบปี และการจะกลับมามองหน้ากันได้ ต่างฝ่ายก็ต้องกล้าพูดคำว่า ‘ขอโทษ’
พอฟังอีพีนี้ซ้ำๆ หลายรอบ ก็มีความรู้สึกหลายๆ อย่างปนกัน อย่างแรก รู้สึกมั่นใจถึงทางเลือกในการฟังเพลงว่าเราจะมีเพลงดีๆ มาให้ฟังอีกเรื่อยๆ แถมในยุคสตรีมมิงจะมีเพลงเยอะจนฟังกันไม่หวาดไม่ไหวเลยทีเดียว
คำถามที่ผุดขึ้นมาอีกอย่างหนึ่งคือ เพลงแบบนี้วงไทยจะทำได้ไหม ผมบอกเลยว่าได้! เราก็มีเพลงดีเยอะแยะ ไม่เป็นสองรองใคร แถมกำลังเริ่มส่งออกไปตลาดต่างประเทศด้วย เช่น ภูมิ วิภูริศ, Seal Pillow, Jelly Rocket และอีกหลายๆ วง เราอาจจะใส่เรื่องอื่นๆ นอกจากเรื่องความรักลงในเพลงไม่ค่อยเก่ง แต่ผมว่าเพลงไทยยุคใหม่แข่งกับเพื่อนๆ ในเอเชียได้สบาย
ฟังอีพีนี้จบอีกหลายรอบระหว่างเขียนบทความนี้ คำถามสุดท้ายที่มีคือ Hyukoh จะเจอ True Love และ Happiness ไหมนะ เพราะส่วนตัวผม มีความสุขกับการได้ฟังอีพีนี้เหลือเกิน และถ้าพวกเขามาเล่นคอนเสิร์ตในไทยอีกรอบจะไม่ยอมพลาดเด็ดขาด
อ้างอิง:
- m.yna.co.kr/mob2/en/contents_en.jsp?cid=AEN20180531010000315&site=0200000000&mobile
- en.wikipedia.org/wiki/Hyukoh
- 혁오 (Hyukoh) – 24 : How To Find True Love and Happiness มีทั้งหมด 6 เพลง
- Graduation
- 하늘나라
- Love Ya!
- Citizen Kane
- Gang Gang Schiele
- Goodbye Seoul