×

คุยกับท่านทูตเดนมาร์ก เรื่องความสุขแบบ ‘ฮุกกะ’ และเสน่ห์ของประเทศเดนมาร์ก

08.08.2017
  • LOADING...

“ผมว่าบ่อยครั้งคนมักจะคิดไปถึงการมีข้าวของวัตถุอะไรสักอย่างที่แสดงถึงความมั่งคั่ง หรือไม่ก็คิดว่า 
ฮุกกะคงเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าคนยังอยู่ในสถานที่ที่
ไม่ปลอดภัย หรือถูกโจมตี 
หรือกระทั่งหิวโหย สำหรับผมแล้ว ฮุกกะเป็นเรื่องของความรู้สึกในใจ พาตัวเองออกไปจากชีวิตที่วุ่นวาย 
หาเวลาพักจากการทำงาน และใช้เวลากับคนใกล้ชิด”

 

     แนวคิดแบบ ‘ฮุกกะ’ มาจากเดนมาร์ก และกำลังสร้างกระแสเล็กๆ ไปทั่ว ทีมงาน THE STANDARD 
ได้โอกาสพิเศษในการพูดคุยกับเอกอัครราชทูตเดนมาร์กประจำประเทศไทย เพื่อค้นหาความหมายของปรัชญาการอยู่ดีมีสุข และสิ่งละอันพันละน้อยที่เกี่ยวข้องกับดินแดนทางแถบเหนือของยุโรปประเทศนี้

 

 

ท่านทูตอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว 
มองประเทศไทยอย่างไรบ้าง

     เมืองไทยเป็นประเทศที่น่าสนใจ มีขนาดใหญ่ (กว่าเดนมาร์ก 12 เท่า) ผู้คนเป็นมิตร มีความหลากหลาย 
ผมตื่นเต้นที่จะได้เรียนรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่นี่บ้าง เวลาอยู่เดนมาร์ก ก็จะมีชายหาด มีชีวิตกลางคืนอีกแบบหนึ่ง

     แต่ที่เมืองไทยมีอะไรมากกว่านั้น ในแง่ของความมีชีวิตชีวา ความขยันขันแข็ง วิถีการทำเกษตรแบบดั้งเดิม 
แต่ขณะเดียวกันก็มีพื้นที่สำหรับความหลากหลาย ส่วนอุตสาหกรรมใหม่ๆ ก็กำลังก้าวไปข้างหน้า

     ผมว่ามี
การพัฒนามากมายที่เกิดขึ้นที่นี่ และเป็นการเปลี่ยนแปลง
ที่รวดเร็วไปทั่วประเทศ​

 

เคยไปเที่ยวจังหวัดอื่นๆ ของประเทศไทยบ้างหรือยัง

     เมื่อไรที่มีโอกาสผมก็อยากไปนะครับ มีหลายที่เลยที่
อยากไป แต่ก็ต้องมีเวลามากพอสมควร

 

พูดถึงเรื่องฮุกกะ หรือหนทางของการมีความสุขกันบ้างดีกว่า ส่วนตัวแล้ว ท่านทูตมีนิยามของการมีความสุขว่าอย่างไร

     ผมว่าการมีความสุขเป็นภาวะภายในจิตใจ เป็นเรื่อง
เฉพาะบุคคล สิ่งที่สร้างความสุขให้กับคนหนึ่ง  อาจไม่ได้ทำให้อีกคนรู้สึกมีความสุขก็ได้ อยู่ที่ว่าคุณได้บรรลุเป้าหมายอะไรที่สำคัญ เรื่องไหนที่สัมผัสหัวใจคุณได้มากที่สุด รวมทั้งการอยู่กับคนที่คุณรัก มีครอบครัว แต่ก็ยังสนุกกับสิ่งที่คุณกำลังทำ หรือรู้สึกว่างานของคุณมันสร้างความแตกต่าง

     จริงๆ แล้วผมว่านี่เป็นคำถามที่ใหญ่มาก แต่ไม่มีคำตอบที่สามารถเฉพาะเจาะจงได้เลย เพราะอย่างที่บอกว่ามันเป็นเรื่องความรู้สึกส่วนบุคคล แต่ถ้ามองในภาพรวมหรือมหภาค ว่าเราจะทำอะไรเพื่อให้คนมีความสุขได้บ้าง ก็น่าจะเป็นเรื่องการดูแลสวัสดิการต่างๆ เช่น ระบบสาธารณสุขที่ดี ระบบการศึกษาที่ดี หรือการกินดีอยู่ดี เพราะถ้าคุณหิว คุณก็ไม่น่าจะมีความสุขได้ เรื่องพวกนี้คือสวัสดิการต่างๆ ที่คนพึงมี ผมไม่ได้บอกว่า ความร่ำรวยจะทำให้คนมีความสุข แต่ถ้าความต้องการพื้นฐานของคุณได้รับการสนองตอบ มีบ้านที่เหมาะสมไว้พักอาศัยให้รู้สึกถึงความเป็นส่วนตัว

 

เหล่านี้ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน ซึ่งถ้าเราจะพูดไปถึงรัฐสวัสดิการ เรื่องเหล่านี้ก็คือเรื่องที่รัฐสวัสดิการพึงจัดหามาให้

     นอกเหนือไปจากนี้ก็คือ เรื่องการสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อให้มีความสุขมากขึ้น แต่อย่าลืมว่า คุณไม่สามารถสร้างความสุขขึ้นมาได้ คุณทำได้เพียงการจัดหาและอำนวยความสะดวกให้คนสามารถมีความสุขได้

     อีกอย่างผมว่า ความสุขมันมีหลายระดับ หลายเฉด สำหรับผมมันคือการสร้างสรรค์พื้นที่ที่ทำให้คุณรู้สึกดี บ่อยครั้งคุณจะรู้สึกดีก็เพราะคุณได้อยู่กับผู้คน เช่น เพื่อนๆ ครอบครัว ลูกๆ คุณพ่อคุณแม่  หรือไม่ก็อาจจะหมายถึงการสร้างพื้นที่ของคุณเอง เช่น การได้อยู่บ้าน การนั่งดูหนัง เหล่านี้ก็คือสิ่งที่เรียกว่าฮุกกะเช่นกัน

 

ถ้าอย่างนั้นขอถามได้ไหมว่า อะไรคือสิ่งที่คน
เข้าใจผิดเกี่ยวกับฮุกกะ

     ผมว่าบ่อยครั้งคนมักจะคิดไปถึงการมีข้าวของวัตถุอะไร
สัอย่างที่แสดงถึงความมั่งคั่ง หรือไม่ก็คิดว่า ฮุกกะคง
เกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าคนยังอยู่ในสถานที่ที่ไม่ปลอดภัย หรือถูกโจมตี หรือกระทั่งหิวโหย สำหรับผมแล้ว ฮุกกะเป็นเรื่องของความรู้สึกในใจ พาตัวเองออกไปจากชีวิตที่วุ่นวาย หาเวลาพักจากการทำงาน และใช้เวลากับคนใกล้ชิด เหล่านี้น่าจะเป็นการตีความที่แพร่หลายที่สุดแล้วสำหรับคำว่าฮุกกะ

 

ตอนนี้มีหนังสือเกี่ยวกับฮุกกะออกมาหลายเล่ม แล้วนักเขียนส่วนใหญ่ก็บอกว่า ฮุกกะเป็นแนวทางการใช้ชีวิตของคนเดนมาร์ก ท่านทูตเคยคิดไหมว่าฮุกกะคือส่วนหนึ่งของชีวิต

     ใช่ครับ แต่ถ้าพูดกว้างๆ ฮุกกะก็คือ เวลาที่คุณรู้สึกมี
พลังงาน เติมพลังงานให้ตัวเองด้วยการพูดคุยกับผู้คน ได้ใส่ใจดูแลใครสักคน หรือมีใครสักคนที่ใส่ใจดูแลคุณ มันคือสิ่งที่สร้างหรือฝึกกันได้ในหลายๆ เรื่องนะผมว่า

 

ท่านทูตคิดว่าความสุขในแบบของคนไทยเรียกว่า
ฮุกกะได้ไหม

     ผมว่า ใช่ อย่างน้อยก็อาหารริมทางที่ผมว่ารสชาติดีมากๆ 
มีเอกลักษณ์ และมีชื่อเสียงมาก ชาวต่างชาติชอบมากนะครับ แต่ผมอยากให้ตัวอย่างอีกเรื่องเกี่ยวกับการใช้เวลาด้วยกันของผู้คน เช่น ตอนกินข้าวกลางวัน นั่งคุยกันเรื่องนั้นเรื่องนี้ว่า มีเรื่องไหนสำคัญกับคุณในช่วงนี้บ้าง พอกินข้าวเสร็จก็กลับไปทำงานต่อ ช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้พัก

ช่วงเวลาที่คุณได้ออกมาจากปัญหาที่คุณเผชิญอยู่ แม้จะเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ แต่ถ้าคุณทำแบบนี้เป็นประจำ คุณจะรู้สึกว่า เอาน่า มันไม่มีอะไรแย่หรอก ถึงเวลาพัก เราก็จะได้เจอเพื่อน ได้กินอาหาร มันเป็นเหมือนรางวัลเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวัน มันจะทำให้คุณรู้สึกปลอดภัย เป็นที่พักพิงทางใจของตัวเอง เรื่องความรู้สึกมั่นคงแบบนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญนะ

 

อะไรคือสิ่งที่ท่านทูตให้คุณค่าหรือให้ความสำคัญ
ที่สุด

     ถ้าพูดในมุมของฮุกกะ ผมว่าคน หรือความสัมพันธ์  เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และคุณก็สามารถสร้างบรรยากาศดีๆ ได้ด้วยการอยู่กับคนที่คุณสนิทด้วย หรือแม้แต่การได้ไปใช้เวลาในร้านหนังสือ ไปนั่งอ่านหนังสือ ไปดื่มกาแฟ แต่อย่างที่ผมบอกว่า คุณไม่อาจสร้างบรรยากาศแห่งความสุขได้ถ้าไม่มีผู้คนอยู่ด้วย ในขณะเดียวกัน ถ้าสภาพแวดล้อมรอบตัวไม่ดีพอ

คุณก็ไม่มีความสุขอยู่ดี

 

เหมือนความสุขจะอยู่รอบตัวเรา ไม่จำเป็นต้องใช้
องค์ประกอบมากมายเลย แค่เราต้องมีวิธีที่ถูกต้องในการมองสิ่งต่างๆ รอบตัวเรา แค่นั้นทุกคนก็มีความสุขได้แล้วอย่างนั้นใช่ไหม

     ใช่แล้วครับ คือผมว่ารัฐสวัสดิการก็สามารถช่วยยกระดับชีวิตและโอกาสของผู้คนได้มาก ยกตัวอย่างเช่น เรื่องสุขภาพ ถ้าคุณป่วย คุณก็คงไม่มีความสุขมากนัก หรือถ้าญาติพี่น้องของคุณป่วย คุณก็ไม่น่าจะมีความสุขเท่าไร ถ้าระบบรัฐสวัสดิการสามารถช่วยทำให้คุณรู้สึกปลอดภัย ช่วยให้คนมีชีวิตได้ยืนยาวกว่าเดิมโดยไม่ต้องเผชิญกับโรคภัยที่ร้ายแรง มีอาหารการกินที่เหมาะสม ไม่ต้องเข้านอนด้วยความหิว นั่นแหละคือปัจจัยสำคัญของการมีความสุข  รวมทั้งการมีความสัมพันธ์ที่ดีจากผู้คนรอบๆ ตัว แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากในชีวิตก็ตาม

        สิ่งเหล่านี้ได้มาจากการที่ผมสังเกตธรรมชาติของผู้คนที่ผมเจอตามสถานที่ต่างๆ ที่ผมได้มีโอกาสไป บางทีก็ไปในที่ที่มีสงคราม เช่น ตอนที่ไปประจำอยู่กรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน ผมพบว่าหลายปีที่ผ่านมาสงครามดึงส่วนที่เลวร้ายที่สุดของคนบางคนออกมา 
ขณะเดียวกันสงครามก็สามารถดึงส่วนที่ดีที่สุดของคนออกมาด้วย คนจำนวนมากค้นพบว่าตนเองมีทรัพยากรในชีวิตที่จะทำในสิ่งที่ดี ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือคนอื่น ผมเชื่อว่าหลายคนมีความสามารถในตัวเองที่จะทำได้ แต่เราไม่เคยเอาออกมาใช้ เนื่องจากเรามีชีวิตที่สงบสุข แต่เราก็เห็นแล้วว่าคนที่อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากกว่าเรา กลับใช้ชีวิตที่สร้างผลลัพธ์ที่เป็นบวกได้ สร้างสิ่งที่สวยงามได้

 

ท่านทูตสามารถสร้างบรรยากาศฮุกกะตอนอยู่
กรุงคาบูลได้ไหม

     การใช้ชีวิตในสถานทูตช่วงภาวะแบบนั้นมีข้อจำกัดมากเหมือนกัน เพราะเราใช้ชีวิตอยู่หลังกำแพงสูง 
ไม่สามารถออกไปดูหนังหรือกระทั่งไปช้อปปิ้งได้ การอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นทำให้คุณต้องใกล้ชิดกันมากขึ้น 
มีโอกาสได้นั่งคุยกันในเรื่องนั้นเรื่องนี้มากขึ้น เพราะก่อนหน้านี้เราอาจแทบไม่ได้คุยกันเลย ด้วยวิธีนี้ก็ทำให้เรามองเห็นกันและกันได้ชัดเจนขึ้น รู้จักเพื่อนร่วมงานมากขึ้น ผมว่าตัวอย่างของเรื่องนี้ที่เห็นได้ชัดก็คือ เวลาอยู่ในสถานการณ์ที่เรามองเห็นจากภายนอกว่า มันอาจจะดูไม่น่าอยู่ ดูไม่สุขสบายก็จริง แต่วิธีคิดหรือสภาพจิตใจของคนที่มีความปรารถนาอยากจะอยู่รอด หรือการมองหาสิ่งที่เป็นแง่บวกในชีวิตนั่นเอง ที่ทำให้คนเรารู้สึกมีความสุข

 

เมื่อสักครู่ที่ท่านทูตพูดถึงกรุงคาบูล จริงๆ ก็มีเพื่อน
คนหนึ่งที่ไปทำงานที่คาบูลเคยบอกว่า บางทีต้องใส่เสื้อเกราะกันกระสุนด้วย แต่เธอก็บอกว่าเธอมีความสุขดีที่อยู่ที่นั่น คือใช้ชีวิตประจำวันได้ แม้จะมีข้อจำกัดบางอย่าง แต่ก็ยังรู้สึกว่ามีความสุข

ผมว่านะ ถ้าคุณรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำในสิ่งที่สร้างความแตกต่างให้กับชีวิต มันก็สามารถสร้างความพอใจให้กับตัวเองได้ แล้วคุณก็จะมีความสุขในระดับหนึ่งอยู่แล้ว

 

ถ้าถามในมุมส่วนตัว ท่านทูตต้องทำอะไรบ้างถึงจะสร้างช่วงเวลาฮุกกะขึ้นมาได้ในเวลาที่ว่าง

ก็ทำได้หลายมุมนะ เช่น การได้นั่งพูดคุยกับภรรยา คุยกับครอบครัว หรือการประชุมกันที่สถานทูต ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือคุยเรื่องตลกๆ กัน บางทีผมก็มีความสุขจากการได้ออกไปวิ่งจ็อกกิ้งในสวน เพราะตอนอยู่ที่คาบูล วิธีเดียวที่ผมจะได้ออกกำลังกายก็คือการวิ่งบนเครื่องวิ่ง ซึ่งไม่สามารถบรรยายความรู้สึกได้เลยจริงๆ (หัวเราะ)​ เพราะมันน่าเบื่อมาก แต่อยู่ที่นี่ ผมว่าชีวิตดีกว่ามากที่ได้ออกไปวิ่งในสวนสวยๆ อย่างสวนลุมพินี ได้เจอคนที่ออกมาวิ่งเหมือนกัน ที่สวนเป็นสถานที่ที่ผมชอบมาก บางทีผมก็ไปปิกนิกที่นั่น ไปเต้นซุมบ้าก็เคยนะ

 

“ฮุกกะไม่ใช่สิ่งที่หาได้เฉพาะในบ้านหรือเป็นกิจกรรมภายในเท่านั้น ในบางกรณีก็เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน
 คุณสามารถสร้างเวลาดีๆ ขณะเดินเล่นในสวน หรือจิบกาแฟในคาเฟ่ มีองค์ประกอบหลายอย่างเกี่ยวกับฮุกกะ แต่ข้อใหญ่ใจความก็คือ ทัศนคติ เป็นเรื่องของปฏิกิริยาระหว่างผู้คน”

 

 

เมื่อพูดถึงเดนมาร์ก อะไรคือสิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในความคิดของท่านทูต หรืออะไรคือสิ่งที่เป็นตัวแทน
ของเดนมาร์กที่คนทั่วโลกน่าจะเห็นตรงกัน

     ผมว่าในโลกของการทูต เดนมาร์กและกลุ่มประเทศ
นอร์ดิกมีชื่อเสียงในเรื่องการแสวงหาความร่วมมือ เมื่อเราต้องไปประชุมบนเวทีสหประชาชาติ หรือเจรจาในเวทีใดๆ เราจะพยายามหาทางประนีประนอมมากกว่าจะ
ยืนกรานในจุดใดจุดหนึ่ง เราพยายามที่จะมองหาทางออกรอบๆ ปัญหานั้น เพราะทุกเรื่องมีความสัมพันธ์กันไปหมด

 

เวลาพูดถึงคนดังจากเดนมาร์ก เราจะนึกถึง ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน หรือ ไอแซก ดีเนเซน 
นอกจากนี้ผู้กำกับอย่าง ลาร์ส ฟอน ทริเยร์ ยังเป็นอีกหนึ่งคนที่มีชื่อเสียงระดับโลก ท่านทูตเป็นแฟนหนังของผู้กำกับคนนี้ด้วยหรือเปล่า

     ใช่ครับ แต่หนังเรื่องสุดท้ายของผู้กำกับคนนี้ที่ผมได้ดูก็นานสักพักแล้ว ผมว่าหนังของลาร์ส ฟอน ทริเยร์ มีความน่าสนใจ และแน่นอนว่าแตกต่างจากหนังอื่นๆ หนังของลาร์สออกแบบมาเพื่อให้มีการคิดต่อยอด สร้างการถกเถียง ตั้งคำถามกับทุกสิ่ง และบางครั้งก็ทำให้คนดูช็อก ต้องบอกว่าหนังของลาร์สหลายเรื่องไม่ได้มีประเด็นที่เหมาะกับการโปรโมตแนวคิดฮุกกะ ตรงกันข้าม 
หนังค่อนข้างมีความน่ากลัวและหม่นหมองด้วยซ้ำ 
แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นผู้กำกับที่ทำลายกำแพงในหลายๆ 
เรื่องโดยสิ้นเชิง

 

แบรนด์ของเดนมาร์กส่วนใหญ่มีการออกแบบ
ที่เน้นความเรียบง่ายแบบมินิมัล ตรงนี้ท่านทูตเห็นด้วยไหม

     คุณจะว่าอย่างนั้นก็ได้ เราไม่ค่อยเน้นให้มีรายละเอียด
มากเกินไป แต่เน้นรูปโฉมสะอาดตา เรียบง่าย และสง่างาม

 

มีแบรนด์อะไรที่ท่านทูตคิดว่าเป็นตัวแทนของ
ประเทศเดนมาร์กได้เป็นอย่างดีในตลาดโลก

     มีสิครับ และคุณกำลังนั่งอยู่กับสินค้านั้นด้วย นี่เป็น
บริษัทออกแบบเฟอร์นิเจอร์สัญชาติเดนมาร์กชื่อ ฟริตซ์ 
แฮนเซน (Fritz Hansen) เป็นตัวแทนทางการตลาดให้กับแบรนด์เดนมาร์กทั้งเก่าใหม่ที่กำลังจะขยายตลาดเข้ามาในเมืองไทยมากขึ้น พวกเครื่องเรือนชาวเดนมาร์กออกแบบมาให้สร้างสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่ เพราะชาวเดนมาร์กใช้เวลาอยู่กับบ้านมากกว่าข้างนอก

 

มีคนตั้งข้อสังเกตว่านั่นอาจจะเป็นเหตุผลว่า ทำไม
บ้านของคนเดนมาร์กจึงน่าอยู่กว่าบ้านของคน
ในหลายๆ ประเทศ

     เป็นเรื่องจริงที่คนเดนมาร์กให้ความสำคัญกับการจัดแต่ง
ที่อยู่อาศัยให้น่าอยู่ แต่ผมได้เรียนรู้ว่าคนไทยก็ทำ เช่นกัน แต่ใช่ครับ เราชาวเดนมาร์กเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะสร้างบรรยากาศในบ้านให้เราสามารถผ่อนคลายและรู้สึกว่าเป็นโลกของเรา

 

คนไทยรุ่นใหม่นิยมเลือกอยู่คอนโดมิเนียมมากกว่าบ้าน เพราะราคาบ้านในกรุงเทพฯ ชั้นในแพงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้เราจึงมักจะอยู่นอกบ้านเป็นส่วนใหญ่ ในความเป็นจริงเป็นเรื่องยากหรือไม่ที่จะหาช่วงเวลาฮุกกะในวิถีชีวิตแบบนี้

     คนเดนมาร์กก็ไม่ได้มีพื้นที่บ้านกว้างขวางมากนัก 
เพราะราคาที่ดินในเมืองไม่ถูกเช่นกัน และยิ่งบ้านหรืออพาร์ตเมนต์มีพื้นที่มากเท่าไร ก็ต้องเสียค่าทำความร้อนมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งค่อนข้างแพงมาก อย่างไรก็ดี ฮุกกะไม่ใช่สิ่งที่หาได้เฉพาะในบ้านหรือเป็นกิจกรรมภายในเท่านั้น ในบางกรณีก็เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน
 คุณสามารถสร้างเวลาดีๆ ขณะเดินเล่นในสวน หรือจิบกาแฟในคาเฟ่ มีองค์ประกอบหลายอย่างเกี่ยวกับฮุกกะ แต่ข้อใหญ่ใจความก็คือ ทัศนคติ เป็นเรื่องของปฏิกิริยาระหว่างผู้คน คุณอาจจัดองค์ประกอบให้ช่วงเวลาแบบฮุกกะเกิดขึ้นได้ง่าย แต่คุณก็ต้องมีทัศนคติที่ถูกต้องด้วย

 

พนักงานชาวเอเชียส่วนใหญ่มีวันหยุดที่สั้นกว่าคนยุโรป ท่านทูตจะมีคำแนะนำอย่างไรให้เราพยายามหาสมดุลในการใช้ชีวิตให้ดียิ่งขึ้น

     จากประสบการณ์ของผม ถ้าคุณหาสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและชีวิตทำงานไม่เจอตลอดทั้งปี แล้วคุณไม่มีความสัมพันธ์ที่มั่นคงกับคนรัก เพื่อนฝูง และครอบครัว คุณจะไม่สามารถตามจังหวะชีวิตได้ทัน ชีวิตดำเนินไปตามครรลองปกติ คุณไม่สามารถคาดหวังได้ว่าภายในหนึ่งสัปดาห์ที่ได้หยุด คุณจะสามารถปรับชีวิตให้สมดุลได้ ถ้าคุณไม่มีเวลาส่วนตัวมาก่อนเลยตลอดทั้งปี มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

 

ไม่ใช่ว่าท่านทูตดีดนิ้วปุ๊บ แล้วช่วงเวลาฮุกกะจะเกิดขึ้นใช่ไหม

      มันไม่ได้เป็นไปในลักษณะนั้น คุณอาจจะต้องจัดการอะไรให้เข้าที่เข้าทางเพื่อสร้างองค์ประกอบที่เหมาะสม 
แต่ฮุกกะเกี่ยวข้องกับเรื่องอื่นๆ รวมทั้งความสัมพันธ์กับผู้คนด้วย บางครั้งเป็นเรื่องของการห่วงใยระหว่างกัน

 

คือต้องมีแนวคิดและทัศนคติที่ถูกต้อง เพื่อจะเริ่มต้น
ปรับชีวิตเข้าสู่แนวทางอยู่ดีมีสุขแบบฮุกกะ

     ใช่ และต้องดำเนินไปอย่างสม่ำเสมอ เพราะปรัชญาความสุขแบบนี้ไม่เกิดขึ้นตามที่คุณจะบัญชาได้

 

ทุกวันนี้ เมื่อมองปัญหาที่เกิดขึ้นรอบโลก เรายังมี
ปัญหาการโจมตีจากผู้ก่อการร้าย ยังมีสงครามเกิดขึ้นในหลายๆ พื้นที่ และคนก็ยังรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากที่เราจะหาความสุข หรือมีความรู้สึกฮุกกะ แต่ท่านทูตก็ให้คำแนะนำมาแล้วว่าที่จริงไม่ได้ต้องใช้ปัจจัยมากมายในการมีความสุข เพราะสุดท้ายแล้วก็อยู่ที่วิธีคิด

     ใช่ครับ เป็นเรื่องของวิธีคิด แต่ก่อนอื่นผมขอพูดถึงเรื่องการก่อการร้ายก่อน ซึ่งส่วนใหญ่เมื่อมีการก่อการร้ายเกิดขึ้น คนมักจะเกิดความรู้สึกว่า ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีเรื่องเลวร้ายแบบนั้นเกิดขึ้นได้ ตอนนี้หลายคนก็น่าจะคิดแบบนั้น แต่สำหรับผม การก่อการร้ายคือการสร้างสถานการณ์เพื่อเรียกร้องความสนใจ ถ้าเทียบกันแล้ว 
อัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนมีมากกว่าการ  เสียชีวิตจากการก่อการร้าย เพียงแต่เมื่อมีอุบัติเหตุบนท้องถนน คุณจะเห็นข่าวน้อยมาก แต่เมื่อมีการก่อการร้าย  ก็มักจะเป็นข่าวหน้าหนึ่ง ผมว่ามันไม่น่าจะ
เป็นทิศทางที่ถูกนัก

     แน่นอนว่าเราต้องทำทุกวิถีทางที่จะยับยั้งการก่อการร้าย เช่น ใช้กำลังทหาร แต่ขณะเดียวกันเราก็ควรมองไปไกลกว่านั้นด้วย เช่น การหาทางแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ หรือรากของปัญหา ซึ่งบางทีมันก็เริ่มมาจากประเด็นเดียว ตอนที่ผมเริ่มต้นอาชีพนักการทูต ผมบอกได้เลยว่ามีสงครามเกิดขึ้นทั่วโลกมากกว่าทุกวันนี้ด้วยซ้ำ และในอดีตมีความขัดแย้งรุนแรงมากมายเกิดขึ้นมาแล้วเช่น ในแอฟริกา

     ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าชื่นชมมากที่สามารถเอาตัวรอดจากสงครามมาได้โดยตลอด ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านยังคงมีความขัดแย้งกันอยู่มากมาย

     จริงอยู่ที่เมื่อเกิดสงคราม คนก็มีแนวโน้มที่จะคิดว่า โลกอยู่ในจุดที่เราไม่สามารถจะควบคุมอะไรได้อีกต่อไปแล้ว แต่ผมคิดว่าก็ไม่ถูกต้องนัก เราอาจจะเห็นความขัดแย้ง หรือสงครามเกิดขึ้นในซีเรีย เยเมน แต่ถ้ามองภาพที่กว้างขึ้นกว่านั้น เราจะพบว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา มีประเทศที่รบกันน้อยลงเรื่อยๆ หรือมีหลายประเทศที่หลุดพ้นจากความยากจนไปแล้ว ไม่รู้สิ ผมว่าผมเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีอย่างที่รักษาไม่ได้ซะด้วย (หัวเราะ) ผมยืนยันว่าเราก็ควรจัดการกับปัญหาเลวร้ายต่างๆ   ที่เกิดขึ้นรอบโลก แต่บางครั้งเราก็ควรจะบอกตัวเองว่ามันมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นมากมายเช่นกัน เรื่องแย่ๆ หรือโศกนาฏกรรมต่างๆ เป็นความจริงของชีวิต และดึงดูดสื่อให้รายงานมากกว่า เพราะหวังผลด้านจำนวนคนอ่านหรือลูกค้า แต่ผมก็อยากนำเสนอแง่มุมดีๆ ของชีวิตไม่ทางใดก็ทางหนึ่งด้วย

        ตอนไปปากีสถาน ผมก็พบว่าที่นั่นมีสงคราม มีปัญหาความขัดแย้ง จำได้ว่าเรามีโอกาสได้ไปช่วยสนับสนุนกิจกรรมของกลุ่มผู้หญิงนักปีนเขากลุ่มหนึ่ง 
พวกเธอเกือบจะปีนเขาลูกหนึ่งได้สำเร็จ แต่สภาพอากาศแย่มากจนไปต่อไม่ไหว และต้องลงมาในที่สุด ตอนนั้นพวกผมก็คิดว่า เราน่าจะส่งข่าวให้สื่อเกี่ยวกับนักปีนเขาที่เป็นผู้หญิงในประเทศที่นำโดยผู้ชายบ้าง ผลคือ มีสื่อนำข่าวไปลงกันเยอะมาก จำได้เลยว่ามีนักข่าวคนหนึ่งที่มาสัมภาษณ์ผมแล้วบอกว่า รู้สึกดีจังเลยที่ในที่สุดก็ได้ทำข่าวที่เป็นแง่บวกเสียที (หัวเราะ)​

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X