ทางการสหรัฐฯ ออกประกาศเตือนเป็นครั้งสุดท้ายให้ประชาชนในมลรัฐชายฝั่งตะวันออกอพยพหนีวาตภัยครั้งรุนแรง ขณะที่สำนักอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติสหรัฐฯ พยากรณ์ว่าพายุเฮอร์ริเคนฟลอเรนซ์จะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งภายในช่วงเย็นวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ล่าสุดรัฐจอร์เจีย, เซาท์แคโรไลนา, นอร์ทแคโรไลนา, เวอร์จิเนีย, แมรีแลนด์ และวอชิงตัน ดี.ซี. ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว
แม้ล่าสุดเฮอร์ริเคนลูกนี้ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุระดับ 3 และพัดด้วยความเร็วลม 195 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เจ้าหน้าที่เตือนว่ายังเป็นพายุที่อันตรายมาก โดยก่อนหน้านี้ทางการรัฐเซาท์แคโรไลนา, นอร์ทแคโรไลนา และเวอร์จิเนีย ได้ออกประกาศให้ประชาชนราว 1.7 ล้านคนอพยพหนีไปยังพื้นที่ปลอดภัย
ขณะที่สำนักอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติได้ออกประกาศเตือนประชาชนกว่า 10 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงให้เฝ้าระวังพายุและลมกระโชกแรง ส่วนศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติเตือนว่าอิทธิพลของพายุจะทำให้เกิดสตอร์มเซิร์จสูงถึง 13 ฟุต ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน
ด้านเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางระบุว่าแม้มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 6 แห่งตั้งอยู่บนแนวการเคลื่อนตัวของเฮอร์ริเคนฟลอเรนซ์ แต่พวกเขาเชื่อมั่นว่าโรงไฟฟ้าเหล่านี้จะปลอดภัย กระนั้นผู้เชี่ยวชาญหลายคนเตือนว่าอิทธิพลของพายุอาจทำให้ฝนตกหนักและน้ำท่วมจนเจ้าหน้าที่ไม่สามารถควบคุมได้ทันท่วงที
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 6 แห่งมีที่ตั้งกระจายอยู่ในรัฐเซาท์แคโรไลนาและนอร์ทแคโรไลนา ซึ่งดำเนินงานโดยบริษัทพลังงาน Duke Energy โดยจำนวนนี้มี 2 แห่งที่ตั้งอยู่ใกล้ชายฝั่งและอาจได้รับผลกระทบก่อนที่อื่นคือ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์บรันสวิก และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชียรอน แฮร์ริส ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา
เจฟฟ์ บียาร์ด รองผู้บริหารฝ่ายฟื้นฟูแห่งสำนักงานบริหารจัดการเหตุฉุกเฉินแห่งชาติของสหรัฐฯ (FEMA) ระบุว่า ณ ตอนนี้ทางสำนักงานไม่มีความกังวลเกี่ยวกับแนวการเคลื่อนตัวของพายุแต่อย่างใด
สำนักข่าว CNN รายงานว่า ณ เวลา 20.00 น. เมื่อคืนนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ตำแหน่งของเฮอร์ริเคนฟลอเรนซ์อยู่ห่างจากเมืองวิลมิงตัน รัฐนอร์ทแคโรไลนา ประมาณ 335 ไมล์
ขณะที่ถนนมอเตอร์เวย์ 4 สายในรัฐเซาท์แคโรไลนา ได้ปรับระบบจราจรเป็นถนนวันเวย์เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการอพยพแล้ว
ทั้งนี้มีการประมาณการว่าพายุเฮอร์ริเคนฟลอเรนซ์จะสร้างความเสียหายคิดเป็นมูลค่ากว่า 1.7 แสนล้านเหรียญสหรัฐ และทำลายบ้านเรือนและธุรกิจเกือบ 759,000 แห่ง
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
