Hunt ล่าคนปลอมคน เปิดตัวแรงมากตั้งแต่ไปฉายโชว์ Midnight Screen ที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ที่ผ่านมา หลังการฉายผู้ชมยืนปรบมือให้ยาวนาน และเมื่อเข้าฉายในโรงภาพยนตร์เกาหลีเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็เปิดตัวยืนหนึ่ง Box Office ทำสถิติมีผู้เข้าชมไปแล้วกว่า 2 ล้านคน!
เหตุผลที่ทำให้ Hunt เป็นภาพยนตร์ที่เรารอคอยประจำปีก็น่าจะเป็นเพราะ
- นี่คืองานกำกับครั้งแรกของ อีจองแจ ที่สะสมประสบการณ์ในวงการภาพยนตร์มากว่า 20 ปี
- อีจองแจ และ จองอูซอง เป็นเพื่อนสนิทกันอยู่แล้ว แต่ Hunt เป็นภาพยนตร์ที่พวกเขาได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งในรอบ 22 ปี
- พล็อตภาพยนตร์สายลับแนวใหม่ที่พาย้อนไปในยุค 80 ช่วงเวลาที่เผด็จการเรืองอำนาจ
อีจองแจ ที่ผันตัวมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องแรก บอกกับเราว่า “แม้ว่าผมจะอยู่บนโลกนี้มาเป็นเวลานาน แต่การเขียนบทและการกำกับแตกต่างจากการแสดง มันทำให้ผมลังเลมาก แต่สุดท้ายผมตัดสินใจทุ่มสุดตัว”
Hunt ล่าคนปลอมคน เล่าถึงเรื่องราวในยุค 80 สงครามเย็นระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ซึ่งขณะนั้นเกาหลีใต้อยู่ภายใต้การปกครองเผด็จการทหาร นายพล ชุนดูฮวาน (ระหว่างปี 1981-1987)
พัคพยองโฮ (รับบทโดย อีจองแจ) หัวหน้าหน่วยสืบราชการลับระหว่างประเทศ และ คิมจองโด (รับบทโดย จองอูซอง) หัวหน้าหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ หรือ NIS ทั้งสองเป็นคู่ปรับ แต่ต้องมาร่วมกันปฏิบัติภารกิจในการตามล่าตัวสายลับเกาหลีเหนือที่มีนามแฝงว่า ‘ดงลิม’ และยังแฝงตัวอยู่ในองค์กรภาครัฐ เพื่อเตรียมทำลายประเทศ
แต่แล้วดงลิมกลับซ้อนแผน แล้วปล่อยข้อมูลลับสุดยอด ทั้งยังเสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศ นั่นทำให้พยองโฮและจองโดต้องมาสืบสวนกันเอง เพราะไม่มีใครรู้ได้เลยว่าสายลับเกาหลีเหนือนั้นจะเป็นใคร และหากจับตัวไม่ได้ เหตุการณ์อาจบานปลายไปสู่การลอบสังหารผู้นำประเทศ เพื่อปกป้องชีวิตประธานาธิบดีและประชาชนชาวเกาหลีใต้
ซึ่งเรื่องราวงานสร้างในภาพยนตร์ Hunt จะเป็นอย่างไร อีจองแจ ผู้เขียนบท, ผู้กำกับ และนักแสดง จะมาเล่าให้ฟัง
ในภาพยนตร์เรื่อง Hunt คุณต้องรับหน้าที่ทั้งเขียนบท, กำกับ ไปจนถึงนักแสดง คนเดียว 3 ตำแหน่ง คงจะไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่ายเลย
อีจองแจ: ความจริงแล้วผมซื้อลิขสิทธิ์บท Hunt มา ตั้งใจจะเป็นแค่ผู้จัดอย่างเดียว แต่การมานั่งรอทุกวันเป็นเรื่องยากครับ รู้สึกอึดอัดและเสียดายเวลาที่ผ่านไป ก็เลยเริ่มเขียนบทด้วยตัวเอง แล้วพอเขียนมาตลอด 4 ปี การเรียบเรียงสิ่งที่เขียน การทำโปรเจกต์ในแต่ละหัวข้อ การสร้างคาแรกเตอร์ให้กลมกล่อม ผมได้รับกำลังใจจากคนรอบข้างที่บอกว่าน่าจะลองมากำกับเองดู จนสุดท้ายก็ได้มากำกับด้วยครับ
ถ้าอย่างนั้นคุณคงต้องเล่าถึงผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องแรก และแนะนำตัวละคร พัคพยองโฮ ที่คุณรับบทสักหน่อย
อีจองแจ: Hunt เป็นภาพยนตร์แอ็กชันสายลับชิงไหวชิงพริบกัน เล่าเรื่องของคนที่ต้องทำอะไรขัดกับความเชื่อและหลักการของตัวเอง เรื่องราวของการตามหาสายลับที่แฝงตัวอยู่ในองค์กร KCIA
ผมรับบท พัคพยองโฮ ส่วน จองอูซอง จะรับบท คิมจองโด ซึ่งระหว่างการค้นหาตัวสายลับ ทำให้ทั้งสองคนเกิดความสงสัยในกันและกัน และต้องมาเจอกับคดีลอบสังหารคนสำคัญเบอร์หนึ่งของเกาหลี ทำให้เกิดเรื่องพลิกล็อกและเข้มข้นขึ้นไปเรื่อยๆ ครับ
พยองโฮเป็นหัวหน้าทีมหน่วยข่าวกรอง เป็นคนที่ใช้เหตุผล แล้วก็เป็นเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองที่ห่วงใยเพื่อนร่วมงาน แต่พอได้รู้ข่าวว่ามีสายลับอยู่ในองค์กร ก็ต้องมาระแวงเพื่อนร่วมงาน ไปจนถึงถูกสงสัยว่าตัวเขาเองก็คือสายลับ แต่พยองโฮก็ยังพยายามสุดตัวเพื่อจะตามหาสายลับที่ซ่อนอยู่ในองค์กรครับ
ในภาพยนตร์เรื่อง Hunt พยองโฮและจองโดจะเจอกับเรื่องคอขาดบาดตายเสมอ ให้พวกเขาห้ำหั่นกันตลอด แต่เมื่อเจตนาที่แท้จริงของพวกเขาถูกเปิดเผยในองก์ที่ 3 ของเรื่อง ประเด็นมันจะยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้น อยากให้รอติดตามกันครับ
คาแรกเตอร์ของตัวละครใน Hunt คุณวางแต่ละตัวละครให้เป็นคนแบบไหน
อีจองแจ: ผมอยากให้ตัวละครทุกตัวมีคุณค่า อย่างเช่น
- จองโด ผมอยากให้เขาเริ่มจากการเป็นคนเยือกเย็น ไปจนถึงที่การบันดาลโทสะแบบไม่เลือกหน้าในช่วงท้าย
- จูคยอง เป็นตัวโจ๊กตัวเดียวในเรื่อง แต่เขาจำเป็นต่อจุดหักมุมของเรื่องมาก
- ชอลซอง เป็นข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ ผมอยากให้เขาเป็นบัวใต้ตม ไม่เคยรู้ตัวว่าโดนล้างสมองมาตลอด
- ยูจอง ไม่ได้โผล่มาบ่อย แต่เธอเป็นตัวละครที่ใกล้ชิดกับตัวละครปริศนาของเรื่องที่สุด เธอขยะแขยงในการกระทำของคนรุ่นก่อน แต่เธอกลับได้คำตอบของชีวิตที่เฝ้าตามหาจากพยองโฮ
ระหว่างการกำกับเรื่อง Hunt คุณให้ความสำคัญกับประเด็นเรื่องราวส่วนไหนบ้าง
อีจองแจ: ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องมีความสนุกก็จริง แต่ว่าผมคิดว่าน่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้พูดคุยกับหลายๆ คนเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ
ถึงแม้จะนำเรื่องที่เกิดในยุค 80 ขึ้นมาทำ แต่ผมคิดว่ายุค 80 กับตอนนี้มีจุดที่ไม่แตกต่างกันอยู่ ทั้งเรื่องราวในจุดเหล่านั้น และความคิดอื่นๆ ที่ตัวละครมีอยู่ ผมลองถ่ายทอดสิ่งที่คิดออกมา คิดว่าเป็นสิ่งสำคัญมากครับ จะต้องมีเหตุผลที่ชัดเจนสำหรับตัวละคร เพื่อให้พวกเขาปะทะกันอย่างร้อนแรง
Hunt ภาพยนตร์ย้อนไปยุค 80 ในส่วนนี้คุณพบกับอุปสรรคอะไรบ้างไหม
อีจองแจ: ปัญหาใหญ่เลยคือ มันไม่มีโลเคชันไหนที่ให้บรรยากาศแบบยุค 80 ชนิดที่ครบจบในที่เดียว แถมงบเราก็ไม่ได้มากพอที่จะเนรมิตขึ้นมาใหม่ได้ทั้งหมด แต่ทีมงานของเราทำได้ดีมาก พวกเขาเอาชนะอุปสรรคและหาจุดที่ลงตัวพบ โดยเฉพาะกับฉากที่เราจำลองวอชิงตัน โตเกียว และไทย เราถ่ายโลเคชันทั้งหมดนั้นในเกาหลี แม้ว่าขั้นตอนการเตรียมงานแทบจะเรียกได้ว่ารากเลือด แต่ผลที่ออกมาทำให้พวกเราลืมความลำบากในตอนนั้นไปปลิดทิ้งเลยครับ
ฉากและงานสร้าง พร็อพประกอบฉาก รวมถึงเครื่องแต่งกายต่างๆ มีรายละเอียดอย่างไรบ้าง
อีจองแจ: ภาพยนตร์เรื่องนี้เต็มไปด้วยตัวละครชาย ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ KCIA ดังนั้นทั้งชนิดเสื้อผ้าและสีสันจะมีความคล้ายคลึงกัน ทีมเสื้อผ้าเตรียมเนกไทวินเทจและเครื่องประดับจากยุคนั้นไว้เพียบ เพื่อแสดงเอกลักษณ์ของแต่ละตัวละครออกมา พวกเขาช่วยกันออกแบบเครื่องแบบของทหารไทย, ตำรวจ, เจ้าหน้าที่รัฐ และคนจากกองทัพ
ความเดือด ความสมจริง และรายละเอียด คือ 3 สิ่งที่สำคัญที่สุด ผมทำสตอรีบอร์ดกับแผนกเทคนิคพิเศษ ทีมสตันท์ และทีมซีจี แน่นอนว่ามันไม่ใช่งานง่าย แต่มันเป็นทางเดียวที่จะทำให้เราถ่ายทำกันได้ราบรื่น ผมอยากให้มีการขับรถไล่ล่า วิ่งไล่กันตามถนน การระเบิด และการสาดกระสุนกัน เหมือนกำลังอยู่ในสนามรบ ผมยังต้องการให้ทั้งหมดนั่นออกมาดูสดใหม่ ซึ่งทีมงานทุกคนก็ไม่ทำให้ผมผิดหวัง
บรรยากาศในกองถ่ายที่มีนักแสดง จองอูซอง ที่เป็นเพื่อนสนิท เป็นอย่างไรบ้าง
อีจองแจ: เราคุยกันเยอะมากเกี่ยวกับการทำงานร่วมกันอีกครั้งในเร็วๆ นี้ หลังจากเคยร่วมงานกันใน City of the Rising Sun (1999)
เป็นเวลาหลายปีแล้วนะครับที่เราพยายามทำให้มันเป็นไปได้ และแม้แต่เขียนบทด้วยกัน แต่มันก็ไม่เคยปรากฏเป็นภาพยนตร์เลย จนมาถึงในภาพยนตร์เรื่อง Hunt ผมรู้สึกกระตือรือร้นมากที่จะมีเขาในภาพยนตร์เรื่องนี้ อยากให้คนพูดว่า จองอูซอง ดูดีที่สุดบนหน้าจอเมื่อเขาถูกยิงโดย อีจองแจ
ในกองถ่ายก็ยุ่งกับการดูแลกันและกันครับ สำหรับผมที่ต้องตั้งใจกำกับให้จองโดออกมาเท่มากที่สุด ตรงกันข้ามกับอูซองนั้น ที่เห็นว่ายิ่งเวลาผ่านไป ระหว่างถ่ายทำผมก็ยิ่งหมดแรง จนเขาคงคิดว่า “เพื่อนฉันอาจจะตายไปแบบนี้ก็ได้” ก็เลยคอยจัดวิตามินให้กิน สำหรับตอนนี้แค่อยู่ข้างๆ กันก็รู้สึกอุ่นใจแล้ว ถึงวันไหนไม่มีคิวถ่าย แค่มาอยู่ข้างๆ ก็เป็นกำลังใจให้ผมมากที่สุดแล้วครับ
ในฐานะนักแสดงที่ผ่านประสบการณ์มามากมาย คุณนำข้อดีตรงนี้มาใช้ในงานกำกับนักแสดงของคุณอย่างไร
อีจองแจ: ที่ผ่านมาถ้าสถานการณ์ในบทมันน่าเชื่อและมีฉากที่เสริมกัน การแสดงของผมมันจะออกมาตามธรรมชาติ แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นแบบนั้น ผมพยายามถ่ายทอดสิ่งที่ผู้กำกับต้องการออกมามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สำหรับ Hunt ระหว่างขั้นเตรียมงานและการซ้อมบท มันมีบางจุดที่ผมแก้ไดอะล็อกตามฟีดแบ็กจากนักแสดง ขณะที่บางครั้งผมต้องกล่อมให้พวกเขายอมเล่นบางซีนที่พวกเขารู้สึกไม่สบายใจบ้างเหมือนกัน
คุณคิดว่า Hunt จะแตกต่างจากภาพยนตร์สายลับอื่นๆ อย่างไร
อีจองแจ: ผมมองว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวกับกลุ่มคนที่ต่อสู้เพื่อให้อุดมการณ์กลายมาเป็นสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าการเล่าเรื่องเกาหลีเหนือและใต้
ปกติภาพยนตร์สายลับส่วนใหญ่จะเป็นการทิ้งปริศนาให้ผู้ชมได้ปะติดปะต่อเรื่อง แต่ผมเขียนบทออกมาเพราะต้องการสร้างภาพยนตร์ที่มีความเข้มข้น โดยมีการพลิกกลับทั้งเรื่องใหญ่ เรื่องเล็ก และการคลี่คลาย ผมพยายามไม่ทำให้เรื่องราวซับซ้อนเกินกว่าจะติดตามได้ และแค่หวังว่าผู้ชมจะเพลิดเพลินไปกับมัน
สำหรับ อีจองแจ เขาคือนักแสดงเกาหลีที่มีผลงานยาวนานตั้งแต่ยุค 90 ก่อนจะขึ้นแท่นเป็นนักแสดงระดับโลกจากซีรีส์ Squid Game ทั้งยังได้รับรางวัล SAG Awards ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง The Golden Globe Awards และรางวัล Emmy Awards
เส้นทางกว่า 30 ปีของเขาเริ่มจากผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกในปี 1993 ที่เขาคว้ารางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจาก The Young Man ต่อด้วย Sandglass, City of the Rising Sun จนมาถึงผลงานภาพยนตร์รักโรแมนติคอย่าง Il Mare ที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักและมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น The Housemaid, The Thieves, New World, Assassination รวมถึงภาพยนตร์ Blockbuster อย่าง Along with the Gods, Deliver Us From Evil
Hunt ล่าคนปลอมคน ผลงานกำกับ เขียนบท และแสดงนำ ของ อีจองแจ ร่วมด้วยนักแสดง จองอูซอง, ชอนฮเยจิน, โกยุนจอง, คิมจงชู และ ฮอซองแท จะเข้าฉายวันที่ 1 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์ประเทศไทย
ตัวอย่างภาพยนตร์ Hunt ล่าคนปลอมคน
ภาพ: Mongkol Cinema