สื่อท้องถิ่นกัมพูชารายงานว่า ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เตรียมนำประเด็นพิพาทบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะพื้นที่รอบปราสาทตาเมือนธม (Ta Moan Thom), ปราสาทตาเมือนโต๊ด (Ta Moan Toch), ปราสาทตาควาย (Ta Krabey) และพื้นที่บริเวณมุมไบ (Mum Bei) ขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) หรือ ‘ศาลโลก’ ที่นครเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยได้รับการสนับสนุนจากอดีตนายกรัฐมนตรีและประชาชนชาวกัมพูชา
ด้านกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชาได้เรียกร้องให้ประเทศไทยสอบสวนเหตุการณ์ยิงปืน เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ทหารกัมพูชาคนหนึ่งเสียชีวิต โดยระบุว่าเป็น “การกระทำที่โหดร้ายและผิดกฎหมาย”
ฮุน มาเนต ระบุว่า กัมพูชาได้ดำเนินการแก้ไขข้อพิพาทชายแดนอย่างสันติผ่านกลไกทางเทคนิคและกฎหมายระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการประชุมด่วนของคณะกรรมการชายแดนร่วม (JBC) กับไทย เพื่อหารือและดำเนินการตีเส้นเขตแดนและติดตั้งหลักเขตแดนต่อไป แม้จะยังคงร่วมมืออย่างสันติกับไทย เช่น การตีเส้นเขตแดนตามมาตรฐานกฎหมายระหว่างประเทศ กัมพูชายังคง “สงวนสิทธิ์ในการปกป้องอธิปไตยของตนทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้กำลังทหาร หากมีความพยายามละเมิดอธิปไตยผ่านกำลังทหาร”
ขณะที่ ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งปัจจุบันเป็นประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้แสดงจุดยืนสนับสนุนแผนการนำข้อพิพาทสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ โดยระบุว่า ข้อตกลงบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2000 ยังไม่ก้าวหน้าเพียงพอ ทำให้เกิดความคลุมเครือและเกิดเหตุการณ์ปะทะกันด้วยอาวุธหลายครั้ง จึงเรียกร้องให้ไทยแสดงความจริงใจในการแก้ไขปัญหาโดยยินยอมร่วมกันนำเรื่องเข้าสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศโดยไม่ต้องให้กัมพูชาฟ้องร้อง และรอท่าทีของไทยว่าจะมีจุดยืนต่อประเด็นนี้อย่างไร พร้อมสนับสนุนให้กองทัพกัมพูชามีความอดทนอดกลั้น แต่ในขณะเดียวกันก็พร้อมรับมือกับการรุกรานทุกรูปแบบ
ฮุน เซนยังเน้นย้ำว่า หากไม่นำเรื่องนี้ขึ้นสู่ศาลโลก พื้นที่บริเวณชายแดนอาจเผชิญชะตากรรมไม่ต่างจาก ‘ฉนวนกาซา’ พร้อมอ้างว่า พื้นที่สามเหลี่ยมมรกตทั้งหมดเป็นของกัมพูชา
ในโน้ตทางการทูตวันที่ 29 พฤษภาคม กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาได้ส่งหนังสือประท้วงอย่างรุนแรงถึงสถานทูตไทยในกรุงพนมเปญ โดยระบุว่ากำลังทหารไทยได้ยิงใส่กำลังทหารกัมพูชาที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านเตโช โมโรดก์ อำเภอโมโรดก์ จังหวัดพระวิหาร เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม เวลา 05.30 น. ส่งผลให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิตอย่างไม่เป็นธรรม
กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาอ้างว่า กำลังทหารกัมพูชาได้ประจำการในพื้นที่ดังกล่าวอย่างต่อเนื่องและสงบสุขมานานก่อนการลงนาม MOU ปี 2000 เกี่ยวกับการตีเส้นเขตแดนและติดตั้งหลักเขตแดน พร้อมประณามเหตุยิงปืนครั้งนี้ว่าเป็นการละเมิดอธิปไตยและความสมานฉันท์ระหว่างประเทศ
“รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้มีการสอบสวนอย่างเร่งด่วนและละเอียดถี่ถ้วนต่อเหตุการณ์รุนแรงนี้ และผู้รับผิดชอบต่อการกระทำที่โหดร้ายและผิดกฎหมายนี้ต้องถูกนำตัวมาลงโทษ”
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลกัมพูชาระบุว่า กัมพูชายังคงยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการแก้ไขข้อพิพาทชายแดนผ่านทางสันติวิธีและกลไกที่มีอยู่ เช่น คณะกรรมการชายแดนร่วม (JBC) และคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เพื่อสร้างชายแดนแห่งสันติภาพ ความร่วมมือ และมิตรภาพกับไทยและประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ
ภาพ: STPM via The Phnom Penh Post
อ้างอิง:
- https://www.phnompenhpost.com/national/cambodia-demands-thais-investigate-border-shooting-slated-to-take-border-dispute-to-icj
- https://www.phnompenhpost.com/national/hun-sen-warns-without-icj-border-could-become-like-gaza-
- https://www.khmertimeskh.com/501693529/cambodias-mfaic-condemns-fatal-border-shooting-urges-thai-government-to-investigate-incident/
- https://asianews.network/cambodian-former-president-hun-sen-reiterates-emerald-triangle-is-cambodias-territory/