×

ปี 2564 วอลล์สตรีทมองตลาดหุ้นอย่างไร กองทุนเทคโนโลยียังซื้อได้หรือไม่

07.02.2021
  • LOADING...
ปี 2564 วอลล์สตรีทมองตลาดหุ้นอย่างไร กองทุนเทคโนโลยียังซื้อได้หรือไม่

การลงทุนที่ดีในปีที่แล้วอาจไม่ใช่การลงทุนที่ดีสำหรับปีนี้ เพราะตลาดหุ้นเปลี่ยนแปลงเป็นวัฏจักรเสมอ การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำอย่างต่อเนื่อง ถ้าสิ่งที่คนทั่วๆ ไปทำในตอนต้นปีคือการลิสต์ New Year’s Resolution สิ่งที่นักลงทุนทำคือการทำ Portfolio Rebalancing (ปรับพอร์ตเอาของแพงออก แล้วซื้อของถูก) และ Asset Allocation Strategy (คัดเลือกสินทรัพย์และกระจายความเสี่ยงออกไป)

 

ในฐานะที่เป็นทีมบริหารคนหนึ่งที่ Finnomena ผมจึงได้มีโอกาสฟังกลยุทธ์การลงทุนของบริษัทจัดการการลงทุนระดับโลกอย่าง Franklin Templeton ที่เข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรกับ Finnomena ในการส่งต่อความรู้เรื่องการลงทุนให้กับคนไทย 69 ล้านคน

 

Franklin Templeton ถือเป็นบริษัทจัดการด้านการลงทุนจากนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ที่มีประสบการณ์ในวอลล์สตรีทมากกว่า 70 ปี ดังนั้นจึงผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านวิกฤตมาหลายครั้ง การเข้ามาให้ความรู้กับคนไทยร่วมกับ Finnomena ในครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของวงการการลงทุนไทยเลยทีเดียว มาดูกันว่า Franklin Templeton มองตลาดหุ้นโลกตอนนี้อย่างไร

 

กองทุนเทคโนโลยียังซื้อได้อยู่ไหม 

ผมเชื่อว่านี่เป็นคำถามที่อยู่ในหัวหลายๆ คนแน่นอน เพราะ 2563 ถือเป็นปีที่หุ้นเทคโนโลยี Outperform หุ้นประเภทอื่นๆ อย่างขาดลอย หุ้นที่ขึ้นเยอะๆ ขึ้นไปถึง 100-600% กองทุนเทคโนโลยียอดฮิตอย่าง ONE-UGG-RA ให้ผลตอบแทนสูงถึง 89% ถ้าดูแต่ผลตอบแทนอย่างเดียวอาจจะนึกว่าซื้อหุ้นหรือบิตคอยน์

 

คำถามที่สำคัญคือถ้าปี 2563 หุ้นเทคโนโลยีขึ้นมาตลอดทาง ปี 2564 จะยังขึ้นได้อีกหรือ ถ้าใครเคยติดตามผลตอบแทนของตลาดหุ้นมาจะรู้ว่าปีไหนตลาดหุ้นขึ้นเยอะๆ ปีถัดมาโอกาสที่ตลาดหุ้นจะปรับฐานหรือออกข้างไม่ขึ้นไม่ลงมีเยอะมาก แล้วกองทุนเทคโนโลยีจะเจอกับชะตากรรมเดียวกันไหม 

 

ในมุมมองของ เอ็ดเวิร์ด เพิร์กส์ Chief Investment Officer ของ Franklin Templeton มองว่าราคาของหุ้นเทคโนโลยีจะขึ้นมาสูงมากในปี 2563 จึงทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่จะให้ผลตอบแทนในปี 2564 น้อยกว่าหุ้นประเภทอื่นๆ เช่น หุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ หรือหุ้น Emerging Market ในทวีปเอเชีย 

 

อย่างไรก็ตาม โควิด-19 ทำให้ศักยภาพในการแข่งขันของหุ้นเทคโนโลยีเหล่านี้สูงขึ้น คู่แข่งที่ไม่ได้ทำธุรกิจออนไลน์อ่อนแอลงจากโควิด-19 ตรงนี้ไม่ใช่ผลกระทบชั่วคราว แต่เป็นผลกระทบระยะยาวที่ทำให้หุ้นเทคโนโลยีได้เปรียบหุ้นที่ทำธุรกิจแบบเดิมอย่างถาวร ดังนั้นราคาหุ้นที่ขึ้นมาส่วนหนึ่งมาจากผลกระทบตรงนี้ด้วย ทำให้แม้หุ้นเทคโนโลยีจะให้ผลตอบแทนน้อยกว่าหุ้นอื่นๆ ในปีนี้ แต่โอกาสที่จะตกลงหนักๆ นั้นมีน้อย ในระยะยาวยังคงเติบโตได้

 

คำถามจึงกลับมาหานักลงทุนว่าคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างไร ถ้าคาดหวังผลตอบแทนระยะสั้น 6-12 เดือน การลงทุนในกองทุนเทคโนโลยีอาจไม่ตอบโจทย์ แต่ถ้าคาดหวังผลตอบแทนระยะยาว 5-10 ปี กองทุนเทคโนโลยียังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจลงทุน

 

สิ่งที่วอลล์สตรีทแนะนำคือการลงทุนในกองทุนเอเชียที่กำลังกลับมาเติบโตและกองทุน ESG

สัดส่วนหลักของการลงทุนในเอเชียคือการลงทุนในจีน ซึ่งเป็นประเทศที่โดนผลกระทบจากโควิด-19 ก่อนใคร และกลับมาเติบโตก่อนใครด้วยเช่นกัน การมาของวัคซีนในปี 2564 จะทำให้หุ้นเอเชียกลับมาเติบโตได้อีกครั้งหลังจากที่ติดลบหนักไปในปี 2563 การกลับมาเติบโตของเอเชียจะนำโดยจีน ซึ่งเน้นการบริโภคในประเทศเป็นหลัก

 

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือเอเชียเป็นทวีปที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีในหลายๆ ประเทศ ดังนั้นโอกาสที่จะกลับมาเติบโตในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 จึงเป็นไปได้สูงมาก

 

ในฟากของสหรัฐอเมริกา กองทุนที่น่าสนใจคือกลุ่ม ESG หรือกองทุนที่เน้นการลงทุนในหุ้นที่อยู่ในธีม Environment / Social / Corporate Governance ซึ่งถือเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล โจ ไบเดน ลองนึกภาพดูนะครับว่าตอนนี้ไบเดนเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งได้ไม่ถึงเดือน หุ้นยังขึ้นมารอขนาดนี้ หลังจากที่นโยบายถูกบังคับใช้จริง เชื่อว่าจะทำให้หุ้นในกลุ่มนี้ได้ประโยชน์มาก กองทุนที่ลงทุนก็มีแนวโน้มจะให้ผลตอบแทนสูงเช่นกัน

 

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในปี 2564 ยังคงมีความเสี่ยงที่น่าจับตามองมากที่สุดคือเรื่องอัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ

 

Black Swan ของปี 2564 เงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น

ความเสี่ยงที่หลายคนน่าจะกังวลอยู่คือเรื่องอัตราดอกเบี้ย ด้วยอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันที่ต่ำมากๆ จากการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed และการอัดฉีดสภาพคล่องในระบบอย่างต่อเนื่อง บีบให้เงินที่อยู่ในสินทรัพย์เสี่ยงต่ำอย่างเงินฝากหรือพันธบัตรรัฐบาลต้องเคลื่อนเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นหรือกองทุนมากขึ้น เม็ดเงินมหาศาลจึงวิ่งเข้าหาตลาดหุ้น โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยี 

 

ดังนั้นถ้าเกิดการกลับนโยบาย เช่น ขึ้นดอกเบี้ย หรือทยอยลดการอัดฉีดสภาพคล่องเมื่อไร จะส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับฐานอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม เพิร์กส์ได้ประเมินไว้ว่าโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ข้างต้นนั้นน่าจะอยู่ในช่วงปี 2566-2567 ซึ่งยังถือว่าอีกหลายปี และด้วยสภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ผนวกกับท่าทีของ เจเน็ต เยลเลน ที่ต้องการช่วยประชาชนที่กำลังเดือดร้อนจากวิกฤตโควิด-19 ก่อน ดังนั้นปี 2564 น่าจะยังเป็นปีที่นโยบายทางการเงินผ่อนคลาย ผลตอบแทนในตลาดหุ้นมีแนวโน้มที่ดี

 

อ่านบทความมาถึงตรงนี้ หวังว่าจะช่วยตอบคำถามในใจให้หลายๆ คนว่าการลงทุนในปีนี้จะยังดีอยู่หรือไม่ และกองทุนเทคโนโลยีจะเป็นอย่างไร 

 

อย่างไรก็ตาม เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง การลงทุนด้วยความระมัดระวังยังคงเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญครับ

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X