เตรียมออกเที่ยวให้พร้อมกับเทคนิคแพ็กกระเป๋า 101 ฉบับจัดเต็ม!

ก่อนพุ่งตัวออกจากบ้านเพื่อเดินทางไกล ลองใช้เวลาสำรวจกันสักนิดว่ากระเป๋าของคุณอัดแน่นจนใกล้ระเบิดเกินจำเป็น หรือของที่เอาไป ‘เผื่อ’ (โดยเฉพาะพร็อพสำหรับแต่งตัว!) เป็นกระบุงนั้น แท้จริงคุณแทบไม่ได้แตะ แถมยังไม่รู้จะแบกไปทำไม หรือพบว่าชีวิตต้องพลิกผันเมื่อสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงกะทันหันอย่างไม่ได้เตรียมการล่วงหน้า นี่คือทิปส์แพ็กกระเป๋า 101 ที่ทำให้อุ่นใจได้ก่อนจะออกไปเริงร่ากันประจำเทศกาลนี้ พร้อมกับเคล็ด (ไม่) ลับในการแพ็กกระเป๋าของนักบินสะสมไมล์มืออาชีพ

ทำลิสต์สิ รออะไร

หากไม่อยากข่มตาไม่หลับ กลัวหลงลืมอะไรสำหรับทริปทางไกล ไม่ว่าสายชาร์จ โทรศัพท์ แบตสำรอง แว่นตา จนถึงขนตาปลอม กระทั่งพาสปอร์ต! เราแนะนำให้ลิสต์รายชื่อสิ่งที่ต้องเอาไปเพื่อความอบอุ่นในการให้นอนหลับปุ๋ยก่อนไปขึ้นรถหรือขึ้นเครื่องได้สบายๆ ในวันถัดไป ดังนั้นจดบันทึกถึงสิ่งที่ห้ามลืมพกไปด้วย จะจดใส่กระดาษหรือพิมพ์ใส่แอปพลิเคชันก็ได้ทั้งนั้น หรือถ้าให้ชัวร์ ปรินต์สิ่งนี้จาก Skyscanner ออกมาทำเป็นเช็กลิสต์ก็เวิร์ก

รอยเปื้อนบนเสื้อผ้า

เคยพบรอยเปื้อนบนเสื้อผ้าสีอ่อนจากสิ่งของอื่นๆ ที่คุณแพ็กไปด้วยไหม? วิธีแก้ง่ายๆ คือการมั่นใจว่าครีม โลชั่น ของเหลว หรือของที่สามารถสร้างรอยเปื้อนได้ง่ายหากถูกแรงกระแทกหรือขยับกระเป๋าไปมานั้นถูกห่ออย่างมิดชิด ปิดปากถุงอย่างดี นอกจากนั้นเราแนะนำให้ม้วนพรือพับเสื้อผ้าสีอ่อนโดยกลับให้ด้านในออกมาอยู่ข้างนอกเพื่อลดความเสี่ยง หรือหากเปื้อนก็เห็นได้ไม่ชัด นอกจากนั้น หมวกคลุมอาบน้ำของโรงแรมยังสามารถนำมาครอบพื้นรองเท้ากันรอยเปื้อนในกระเป๋าได้อีกชั้นด้วย

สีแจ๋นหลบไป

หากคุณเป็นนักเดินทางผู้รักสีสันเฉกเช่นผู้เขียน คุณไม่ใช่คนเดียวแน่ๆ ที่พบว่าตัวเองพกเสื้อผ้าสีสดใสไปเที่ยว แต่ไม่ได้แตะสักนิด! รู้ไหมว่าการแพ็กเสื้อผ้าสีกลางๆ ไปเที่ยวทำให้คุณมีสิทธิ์จะหยิบเสื้อผ้าทั้งหมดมาใส่ระหว่างทริปมากกว่าเสื้อสีสดๆ ตรงกับทฤษฎีที่ว่า โดยเฉลี่ยคุณมักจะหยิบเสื้อผ้าเพียงครึ่งเดียวที่คุณพกไป เหตุเพราะเรามักคิด ‘เผื่อ’ คือเผื่อเอาไปวิ่งตอนเช้า เผื่อไปปาร์ตี้ เผื่อสีนั้นคู่กับสีนี้ เผื่อหนาวขึ้นมาแล้วเสียดายเสื้อกันหนาว 10 ตัวที่ลืมทิ้งไว้ที่บ้าน ดังนั้นเคล็ดลับแรกคือวางแผนทุกชุดที่คุณจะใส่ เพื่อประหยัดเวลาในการคิดและมิกซ์แอนด์แมตช์

แต่ใครจะไปมีเวลาเยอะแยะขนาดนั้นเล่า?! ดังนั้นเคล็ดลับที่สองที่ง่ายกว่าคือเลี่ยงพกเสื้อผ้าสีสันสดๆ แล้วเน้นสีพื้นฐานอย่าง สีเบจ สีขาว สีดำ สีเทา สีน้ำเงิน อ่านแล้วอย่าเพิ่งกลอกตาว่าช่างน่าเบื่อ แต่นี่คือตัวช่วยชั้นยอดที่จะทำให้การจับคู่เสื้อผ้าทำได้อย่างง่ายดาย เพราะทุกอย่างแลดูจะเข้ากันไปหมดจนแทบไม่ต้องคิดเยอะ ด้วยเหตุผลนี้ คุณจะพบว่าจำนวนเสื้อผ้าที่นำไปลดลงทันตาเห็น แถมยังไม่ต้องคิดเยอะว่าจะแต่งอะไรคู่กับอะไรหน้ากระจก แล้วเอาเวลาไปสำรวจนอกห้องกันดีกว่า!

ยับไป อย่าได้แคร์

การเลือกเสื้อผ้าที่ยับยากนั้น จริงอยู่ที่ช่วยประหยัดเวลาหาเตารีดเมื่อไปถึงปลายทางอย่างมาก แต่เสื้อผ้าทุกตัวของเราหาใช่ผ้าที่ไม่ยับเสียเมื่อไร ดังนั้นหากยังไม่มีคนคิดค้นเตารีดจิ๋วสำหรับพกพาขึ้นมา ผู้เขียนแนะให้หาอุปกรณ์คู่ใจที่พึ่งพาได้อย่างสเปรย์ Downy Wrinkle Releaser ที่พกขวดจิ๋วไปฉีดใส่เสื้อผ้าได้ แล้วค่อยๆ ใช้มือคลี่ออก แม้จะไม่ได้ผลแจ๋วดังเตารีด แต่เสื้อผ้าก็คลี่ตัวพอให้ใส่แล้วไม่น่าเกลียด แถมยังมีขวดขนาดเล็กให้พกพา เหมาะสำหรับเดินทางอีกด้วย ขณะนี้ยังไม่มีขายในไทย แนะให้ฝากเพื่อนที่ไปฝั่งอเมริกาหิ้วมาฝาก หรือสั่งซื้อได้ที่นี่

พื้นที่ไม่ห่วง ห่วงน้ำหนัก

หลายคนเลือกที่จะม้วนเสื้อผ้าให้ประหยัดพื้นที่ในกระเป๋ามากที่สุด ซึ่งอาจใช้พื้นที่ได้คุ้มค่ากว่าการพับ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผิด กระนั้นอย่าลืมว่าไม่ว่าจะม้วน จะพับ หรือจะทำให้เสื้อผ้าจิ๋วที่สุด แต่สุดท้ายแล้วสิ่งสำคัญแล้วคือน้ำหนักกระเป๋า! ดังนั้นแม้คุณภูมิใจว่าสามารถยัดทุกสิ่งอย่างใส่ในกระเป๋าได้ราวกับปาฏิหาริย์ แต่หากไปถึงเคาน์เตอร์แล้วกลับต้องรื้อของออกจากกระเป๋าคงเป็นเรื่องน่าอายแย่ ดังนั้นก่อนออกจากบ้าน แนะให้ชั่งน้ำหนักกระเป๋าก่อน ไม่ว่าจะใช้วิธีถือกระเป๋ายืนบนตาชั่งแล้วลบน้ำหนักตัวเองออก หรือใช้เครื่องชั่งน้ำหนักกระเป๋าอันจิ๋วที่หาซื้อได้ง่าย (Lazada ก็มี) นอกจากนั้นสามารถเช็กวิธีป้องกันดราม่าที่สนามบินในกรณีอื่นๆ ได้ที่นี่

เพื่อความหอมสดชื่น

ความรู้สึกที่เปิดกระเป๋าออกมาพร้อมกับได้กลิ่นหอมของเสื้อผ้านั้นช่างดีนัก แต่หากคุณกลัวเสื้อผ้ามีกลิ่นอับจากการเดินทางไกล แนะให้โฉบไปเคาน์เตอร์น้ำหอมตามห้างหรือดิวตี้ฟรีเพื่อเลือกกลิ่นหอมๆ สักกลิ่นที่คุณชอบ (แนะให้เลือกกลิ่นหอมสดชื่น ไม่ฟุ้งหรือฉุนเกินพอดี) แล้วสอดกระดาษเทสเตอร์ในสักมุมของกระเป๋าเดินทาง รับรองว่าเมื่อถึงปลายทางแล้ว เสื้อผ้าและกระเป๋าของคุณจะหอมอ่อนๆ ลืมกลิ่นสารพัดที่ติดมาตามทางไปสนิท

ใช้ถุงซิปล็อก

คุณเป็นคนหนึ่งใช่ไหมที่พันสายชาร์จแล้วซุกๆ ไว้ตามมุมกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่อง? ขอแนะนำถุงซิปล็อกที่นอกจากจะช่วยจัดการไม่ให้สายชาร์จพันอีรุงตุงนังกับกุญแจบ้านจนน่ารำคาญแล้ว ยังช่วยประหยัดเวลาในการยกเข้าออกในกรณีที่ต้องเอาออกตามจุดตรวจความปลอดภัยต่างๆ แถมการใส่ในถุงซิปล็อกยังช่วยให้แกดเจ็ตต่างๆ ปลอดภัยจากกรณีน้ำหกใส่กระเป๋าอย่างไม่คาดคิดได้ แนะให้นำไปเผื่อสัก 2-3 อัน เผื่อใส่ยา เหรียญ กุญแจต่างๆ ที่อาจหล่นจากกระเป๋าได้ง่าย ป้องไว้ก่อนเป็นดี

กันหายนะความสวย

หายนะมักเกิดกับผู้หญิงในกรณีที่ใส่เครื่องสำอางในกระเป๋าแล้วเกิดความเสียหายจนแป้ง บลัชออน หรืออายแชโดว์ Chanel สีโปรดกะเทาะเป็นผุยผง (โอ้ โน!) วิธีป้องกันฝันร้ายสายบิวตี้คือใช้ผ้าขนหนูหรือถุงกันกระแทกพันเครื่องสำอางที่เสี่ยงแตกสลายหากเกิดการกระแทกให้แน่น หรือจะใช้สำลีวางแทรกระหว่างตัวแป้งกับฝาปิดก่อนก็ชวนให้อุ่นใจขึ้น อีกทางเลือกหนึ่งคือเลือกเครื่องสำอางที่เป็นครีมเบส หรือทินต์ ก็อุ่นใจได้ว่าไอเท็มโปรดของคุณจะต้อง ‘รอด’

เก็บเงินให้มิดชิด

รู้กันดีว่าความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับต้นๆ ขณะเดินทาง ดังนั้นก่อนจะกระโจนลงน้ำดังจ๋อม เช็กกันสักนิดว่าคุณวางสตางค์เอาไว้ในกระเป๋าหรือไม่ แนะนำให้ใส่เงินหรือของมีค่าเล็กๆ เอาไว้ในขวดโลชั่นหรือครีมกันแดดที่หมดแล้วเพื่อป้องกันมิจฉาชีพ แต่อย่าเผลอโยนทิ้งเสียล่ะ

ป้องกันครีมรั่วไหล

มั่นใจว่าคุณไม่ใช่คนแรกที่ผ่านประสบการณ์ ‘แชมพูรั่ว’ หรือ ‘ครีมไหล’ จนเสื้อผ้าเหนอะชุ่มไปด้วยเนื้อครีมหนืดเละเทะในกระเป๋า วิธีป้องกันคือหลังจากปิดฝาขวดแล้วให้ใช้เทปกาวพันให้ฝาปิดสนิทอีกชั้นเพื่อกันการรั่วไหล หรือจะใส่ในถุงซิปล็อกอีกชั้นเพื่อความชัวร์ก็ได้เช่นกัน

กระเป๋าที่ดีควรมีนำ้หนักเบา

จริงอยู่ที่กระเป๋าเดินทางราคาแพงหูฉี่ที่เซลอยู่ในห้างนั้นช่างสวยงาม คงทน น่าซื้อ แถมยังลอยน้ำได้อีกด้วย! แต่รู้ไหมว่าการใช้กระเป๋าเดินทางแบรนด์เนมราคาชวนตาโตยังเรียกแขกไม่ได้รับเชิญให้มาฉวยเอาไปง่ายๆ อีกด้วย ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใด ข้อควรคำนึงถึงคือความคงทนและน้ำหนักที่เบาเพื่อความสะดวกสบายในการถือ (และการหิ้วของเพิ่มเผื่อผีนักช้อปเข้าสิงทันควัน) ทั้งนี้กระเป๋าที่เป็นเคสแข็งอาจมีน้ำหนักมากกว่ากระเป๋าผ้าถึง 4 กิโลกรัมเชียว ดังนั้นความหนักและแพงอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเสมอไปหรอกนะ

เช็กกับสายการบินก่อนบินเสมอ

โดยปกติแล้ว สายการบินชั้นประหยัดจะออกกฎให้กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่องอยู่ที่ 1-2 ใบ ขึ้นอยู่กับว่าบินในหรือนอกประเทศ และมีน้ำหนัก 20-23 กิโลกรัม ถึงกระนั้น ก่อนจะแพ็กกระเป๋าเตรียมโบยบิน คุณควรเช็กกับสายการบินให้มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์เสียก่อนว่าน้ำหนักกระเป๋าทั้งสำหรับโหลดลงเครื่องและถือขึ้นเครื่องนั้นได้กี่กิโลกรัม และที่สำคัญ อย่าลืมเช็กว่าบินออกจากที่ใด และปลายทางที่ใด เนื่องจากกฎหมายการบินของแต่ละประเทศและแต่ละสายการบินนั้นอาจต่างกัน

เห็นชัด ชัวร์ใจ

เลิกเป็นคนนั้นที่พยายามหงายกระเป๋าชาวบ้านบนสายพานรับกระเป๋าเถอะ แนะนำให้ทำเครื่องหมายกระเป๋าของตัวเองให้ชัดเจน เพื่อจะได้ไม่คว้าของคนอื่นให้พลาด (ใครจะอยากเดินออกมาพร้อมกระเป๋าอาชญากร!) แถมยังเห็นกระเป๋าให้อุ่นใจได้แต่ไกล จะจัดเต็มด้วยการใช้สีกระเป๋าชมพูช็อกกิ้งพิงก์ แท็กชื่อ ติดสติกเกอร์ หรือโบใหญ่ไฟกะพริบก็จัดไป อย่าได้ช้า!

Carry-on ช่วยชีวิต

ในกรณีที่ตัวคุณเดินทางถึงที่หมายปลอดภัย แต่กระเป๋าเจ้ากรรมกลับไม่ตามมาด้วย (แม้จะตกแต่งโบใหญ่ไฟกะพริบแค่ไหน) ทางที่ดีคือการเตรียมความพร้อม เพราะสิ่งนั้นเกิดขึ้นได้ บริษัทเทคโนโลยีด้านการบิน (SITA) เผยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2017 ว่า ปีที่ผ่านมามีการทำกระเป๋าผู้โดยสารสูญหายลดลง โดยจากผู้โดยสาร 1,000 คน มีคนทำกระเป๋าหายทั้งสิ้นราวๆ 6 ใบ ซึ่งลดลงกว่าปี 2016 ถึง 12.5% ดังนั้นหากฝันร้ายในการเดินทางนี้เกิดขึ้น เราสามารถเตรียมความพร้อมได้โดยเก็บของมีค่าเอาไว้ในกระเป๋าขึ้นเครื่อง และพกเสื้อสำรองเอาไว้เผื่อในกรณีที่ถึงปลายทางแล้วไม่มีเสื้อผ้าใส่ แต่ก่อนจะยัดตุ๊กตาหมีสำรองลงในกระเป๋าขึ้นเครื่องด้วย อย่าลืมชั่งน้ำหนักกระเป๋าเสียก่อน จะได้ไม่ต้องบอกลาน้องหมีสำรองที่น่าสงสารตัวนั้นก่อนขึ้นบิน…

เคล็ด (ไม่) ลับของนักเดินทางมืออาชีพ

THE STANDARD พกเคล็ดลับเฉพาะตัวในการแพ็กกระเป๋าของ 3 นักบินบ่อยมืออาชีพมาให้ปรับใช้ดังนี้

กล้า-ไกรพิชญ์ ทัศนแสงสูรย์ (ดีเจคลื่น 103 Like FM / อดีตพิธีกรช่อง Travel Channel และเจ้าของเพจ Klatiew)

“เคล็ดลับของผมคือเลือกของที่ไม่กินพื้นที่ และใช้งานได้หลายอย่าง เช่น กางเกงที่อาจดูทางการได้ หรือปรับลุคให้ลำลองได้ด้วย และจะไม่พกเงินสดไปเยอะ พกพอไปจ่ายค่ารถ ค่ามัดจำต่าง ๆ ส่วนที่เหลือจะใช้บัตรเครดิต พกแค่ใบเดียวก็เอาอยู่ และก่อนไปควรเช็กโรงแรมว่ามีผ้าขนหนูไหม หากจำต้องเอาไปให้เลือกผืนเล็กหน่อยเพื่อไม่ให้รกกระเป๋า ส่วนเสื้อผ้าควรเน้นชิ้นที่มิกซ์แอนด์แมตช์ได้กับหลายๆ ชุด หากเดินทาง 7 วัน กระเป๋าเดินทางไซส์ 20 นิ้วก็เอาอยู่ เพราะสามารถใส่เสื้อผ้า 3-5 ชิ้น รองเท้า 1 คู่ มีที่เก็บอุปกรณ์กล้อง แถมยังมีช่องว่างไว้เก็บของเผื่องอกมาระหว่างเดินทาง โดยรวมแล้วก็คือเน้น ‘Pack light like a minimalist’ เพราะผมเชื่อว่ายิ่งแบกเป้หนัก เรายิ่งไปไม่ได้ไกล ดังนั้นเลือกแต่อะไรที่จำเป็น จะได้ออกเดินทางอย่างมีความสุขครับ”

นภาลัย อารีสรณ์ (บรรณาธิการบริหาร นิตยสาร Thailand Tatler)

“เน้นการแพ็กกระเป๋าให้ของน้อยไว้ก่อน เพราะไม่เชื่อว่าคนเราจะต้องขนเกินความจำเป็นขณะเดินทาง ถ้าคุณเดินทางค่อนข้างบ่อย (โดยเฉลี่ยเดือนละครั้ง) คุณคงไม่อยากใช้เวลาไปกับการแพ็กเข้าแพ็กออกบ่อยๆ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือการเช็กสภาพอากาศและกิจกรรมที่เราจะทำก่อนล่วงหน้า สองสิ่งนี้จะทำให้การเลือกเสื้อผ้าง่ายขึ้นมาก ถ้าต้องไปร่วมงานที่ธีมเป็นสีฟ้า เลือกเครื่องประดับหรือเสื้อผ้าที่ไปด้วยกันกับสีฟ้า ถ้าต้องเดินทางไกลหลายวัน ส่วนตัวจะเลือกโทนเสื้อผ้าไปสองสี และเสื้อผ้าแยกชิ้นนั้นดีที่สุด เพราะสามารถจับคู่ได้กับกางเกงหรือกระโปรงที่เป็นได้ทั้งทางการและลำลอง เหมาะกับทั้งกลางวันและกลางคืน และติดเดรสไปด้วยเผื่อสำหรับงานดินเนอร์ และควรเลือกเสื้อผ้าที่ไม่ยับง่ายและเนื้อไม่หนักเกินไป เพราะช่วยให้แพ็กสะดวก ไม่ต้องรีด และอย่าลืมติดแจ็กเก็ตหรือผ้าพันคอไปเผื่ออากาศเย็น สุดท้ายคือกระเป๋าผ้าที่พับได้ ไว้ใช้ใส่ของช้อปปิ้งขากลับที่เพิ่มขึ้นมา”

เขตต์-ธศร ทักษิณาพันธ์ (Media Relations Manager สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส)

“ใช้วิธีการม้วนเสื้อผ้าแทนการพับ เพื่อลดการใช้พื้นที่ของกระเป๋า และเลือกเสื้อผ้าที่ยับยาก เพื่อลดความยุ่งยากในการรีด กรณีที่เดินทางไกลจะพยายามเลือกเสื้อสีพื้นๆ หรือดีไซน์ธรรมดาๆ ที่เราสามารถนำมามิกซ์แอนด์แมตช์กับกางเกงต่างๆ โดยไม่มีใครจำได้ ส่วนของใช้ส่วนตัวจะแบ่งใส่ถุงแยกไว้เป็นประเภทๆ เช่น กางเกงใน ถุงเท้า ผ้าเช็ดหน้า ซึ่งถุงเหล่านั้นยังสามารถใช้เป็นถุงซักรีดใส่เสื้อผ้าใช้แล้วเพื่อนำกลับได้ด้วย สำหรับครีมบำรุงต่างๆ จะแยกใส่ไว้ในถุงซิปล็อกแบบสุญญากาศ โดยแยกตามประเภทการใช้งานแทนการใส่กระเป๋าสำหรับอาบน้ำ และถ้าเดินทางไม่ไกลในระยะเวลาสั้นๆ จะใช้ช่องคั่นกระเป๋าสำเร็จรูป (Padded Divider) ในการแบ่งช่องต่างๆ เพื่อแยกของใช้ให้เป็นสัดส่วน จะได้ไม่ต้องเอาของออกจากกระเป๋า แค่เปิดกระเป๋าก็ใช้งานได้เลย ส่วนถ้าต้องเดินทางไกลไปยังประเทศที่ผู้คนแต่งตัวจัดๆ แล้วเราไม่อยากยอมแพ้ ไม่แนะนำให้ขนเสื้อผ้าในตู้ไปสู้ แต่ให้ขนเสื้อผ้าและของจำเป็นไปเท่านั้น แล้วไปช้อปปิ้งเอาดาบหน้า ดีไม่ดีได้กระเป๋าลากกลับมาประดับพิพิธภัณฑ์กระเป๋าลากในบ้านเพิ่มอีกด้วย”

อ้างอิง: