เมื่อช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 มกราคม) 11 กองทุน ‘Spot Bitcoin ETF’ ได้รับการอนุมัติจาก ก.ล.ต.สหรัฐฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่นักลงทุนและนักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์กันมาแรมปีว่าจะได้รับการอนุมัติหรือไม่
แล้วนักลงทุน (ไทย) ที่อยากลงทุนในกองทุน ‘Spot Bitcoin ETF’ สามารถทำได้หรือไม่?
ก่อนอื่นเลยต้องอธิบายก่อนว่า ‘Spot Bitcoin ETF’ เป็น ETF (Exchange-Traded Fund) ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของกองทุนที่จะไปลงทุนในหุ้น พันธบัตร หรือสินค้าโภคภัณฑ์ เพียงแต่ว่านักลงทุนสามารถเทรดกองทุนดังกล่าวในตลาดหลักทรัพย์ได้แบบ ‘เรียลไทม์’ ต่างจากกองทุนรวมตามบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ต่างๆ ที่คำสั่งซื้อ-ขายจะดำเนินการหลังจบวันเท่านั้น และจะอัปเดตมูลค่าของกองทุนแบบวันต่อวันเท่านั้น
และการที่กองทุนออกผลิตภัณฑ์เป็น ‘Spot Bitcoin ETF’ จึงเป็นการที่กองทุนนำเงินลงทุนของนักลงทุนไปซื้อ Bitcoin มาเก็บไว้โดยตรง ทำให้นักลงทุนสามารถถือครองสินทรัพย์เหล่านั้นได้โดยตรง ซึ่งต่างจากกองทุน Bitcoin Futures ETF ในช่วงก่อนหน้าที่เคยอนุมัติไป ที่นักลงทุนเพียงแค่ถือสัญญาบน Bitcoin เท่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ส่องความเป็นไปได้ ‘Ethereum ETF’ จะมีโอกาสถูกอนุมัติเป็นรายต่อไปหรือไม่
- ก.ล.ต. สั่ง Zipmex แก้ไขเงินกองทุนให้เป็นไปตามเกณฑ์-แก้โครงสร้างบริหารภายใน 15 วัน
- สมาคม, บลจ. ชงขอ ก.ล.ต. เปิดทางกองทุนไทยลงทุนสินทรัพย์เอี่ยวคริปโตเคอร์เรนซีได้
ในขณะที่นักลงทุนสถาบันก็สามารถแบ่งเงินไปยังสินทรัพย์ทางเลือกอย่าง Bitcoin ได้สะดวกขึ้น ทำให้การเกิดขึ้นของ ‘Spot Bitcoin ETF’ เป็นการปลดล็อกกระแสเงินทุน (Fund Flow) ต่างๆ ให้สามารถไหลเข้าไปยัง Bitcoin ได้โดยตรงมากขึ้น
นอกจากนี้ กองทุน Spot Bitcoin ETF ยังมีประโยชน์ในแง่การดูแลและเก็บรักษาที่มีผู้จัดการกองทุนคอยดูแลให้ เนื่องจากนักลงทุนที่สนใจการลงทุนใน Bitcoin ด้วยตนเองก็อาจมีความเสี่ยงจากการเก็บรักษาในวอลเล็ตส่วนตัวที่อาจสูญหายหรือโดนแฮ็กได้
ซึ่งจากข้อมูลที่ทางทีมงาน THE STANDARD WEALTH สอบถามกับแหล่งข่าวก็ดูเหมือนว่า ก.ล.ต. ของประเทศไทยจะไม่ได้อนุญาตให้สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) สามารถออกกองทุนรูปแบบดังกล่าว หรือทำ ‘Feeder Fund’ (กองทุนที่นำเงินไปลงทุนใน Spot Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ อีกต่อหนึ่ง)
ดังนั้น หากนักลงทุนไทยที่สนใจลงทุนใน ‘Spot Bitcoin ETF’ ก็จำเป็นที่จะต้องเปิดพอร์ตการลงทุนในประเทศสหรัฐฯ เพื่อทำการซื้อ 11 กองทุน Spot Bitcoin ETF เหล่านี้ได้โดยตรง ซึ่งประกอบไปด้วย
- Bitwise (Ticker: BITB) ค่าธรรมเนียม 0%
- ARK Invest 21Shares (Ticker: ARKB) ค่าธรรมเนียม 0%
- Invesco Galaxy Bitcoin ETF (Ticker: BTCO) ค่าธรรมเนียม 0%
- iShares Bitcoin Trust (Ticker: IBIT) ค่าธรรมเนียม 0.12%,
- VanEck Bitcoin Trust (Ticker: HODL) ค่าธรรมเนียม 0.25%
- Franklin Bitcoin ETF (Ticker: EZBC) ค่าธรรมเนียม 0.29%
- Fidelity Wise Origin Bitcoin Fund (Ticker: FBTC) ค่าธรรมเนียม 0%
- WisdomTree Bitcoin Fund (Ticker: BTCW) ค่าธรรมเนียม 0%
- Valkyrie Bitcoin Fund (Ticker: BRRR) ค่าธรรมเนียม 0%
- Hashdex Bitcoin Futures ETF (Ticker: DEFI) ค่าธรรมเนียม 0.94%
- Grayscale Bitcoin Trust (Ticker: GBTC) ค่าธรรมเนียม 0.15%
โดยกองทุนที่คิดค่าธรรมเนียม 0% จะเป็นการไม่คิดค่าธรรมเนียมชั่วคราวในช่วงประมาณ 6 เดือนแรกหลังออกกองทุน ก่อนจะปรับค่าธรรมเนียมขึ้นในช่วงหลังจากนั้น ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละบริษัท
แต่หากนักลงทุนที่ไม่ต้องการเปิดพอร์ตการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็สามารถเข้าถึงการลงทุนใน Bitcoin จากโบรกเกอร์ที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต.ไทย และสามารถถือครองเหรียญดังกล่าวได้โดยตรงและปลอดภัยอีกเช่นกัน รวมทั้งยังไม่เสียค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการอีกด้วย
ทั้งนี้ การลงทุนในคริปโตมีความเสี่ยงและความผันผวนสูง ผู้ลงทุนควรศึกษาสินค้าและผลิตภัณฑ์ และความเสี่ยงอย่างดีก่อนตัดสินใจลงทุน
อ้างอิง: