“ฉันไลน์ไปหาเขา 4-5 วันแล้ว เนี่ย ป่านนี้มันยังไม่ตอบเลย ฉันไม่เอาละนะ”

เสียงเซ็งแซ่ของเพื่อนรักกำลังก่นบ่นถึงความสัมพันธ์ของเจ้าตัวอยู่ และไม่รู้ว่าเราต้องฟังเพื่อนบ่นไปอีกกี่รอบกัน กว่าเราจะเข้าใจสถานการณ์ของอีกฝ่ายที่เพื่อนรักกำลังสานสัมพันธ์ ‘หายไปเฉยๆ ราวกับไม่เคยมีชีวิตอยู่จริง’ ซึ่งเป็นรูปแบบที่คนยุคนี้ต้องพบเจอ โดยเฉพาะการเริ่มต้นพูดคุยกับคนในแอปพลิเคชันหาคู่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊กเมสเซนเจอร์ก็ดี หรือไลน์ พวกเขาหายไปไหน พวกเขาหายไปทำไม แล้วคุณยังต้องรออีกไหม แล้วนี่เล่นหายไปเกิน 24 ชั่วโมงแล้ว ฉันควรต้องแจ้งตำรวจหรือยัง

ไม่ต้องถึงกับไปแจ้งตำรวจหรอก นอกจากจะมีสถานการณ์ที่นำพาไปสู่เหตุร้ายอย่างนั้นค่อยแจ้ง แต่ถ้าเขาหายไปดื้อๆ ข้อความไม่อ่าน แต่อัพสตอรีในอินสตาแกรมเป็นปกติ คุณก็ต้องทำใจไว้แล้วว่า ‘เขาอาจไม่อยากคุยกับคุณแล้ว’ รูปแบบความสัมพันธ์ทำนองนี้เรียกว่า ‘Ghosting’ หรือประเภทที่ ‘อยู่ดีๆ ก็หาย ไลน์ไม่ตอบ’ ซึ่งเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญในเรื่องความสัมพันธ์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และดูเหมือนว่าลักษณะความสัมพันธ์รูปแบบนี้จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นที่ประสบพบเจอกันอยู่เป็นนิจ ทำไมเขาถึงหายไป แล้วทำไมเขาต้องทำแบบนั้นกับคุณ

ภาพจากภาพยนตร์เรื่อง Gone Girl (2014)

การหายตัวไปของเขาอาจไม่ได้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเหมือนตัวละคร ‘เอมี’ ในภาพยนตร์เรื่อง Gone Girl (2014) หรือ ‘มาร์โก’ จากเรื่อง Paper Towns (2015) หรอก เขาอาจจะแค่หายไปเฉยๆ ไม่ทิ้งเบาะแสอะไร ไม่มีแผนการล่วงหน้า นึกจะหายก็หายไป ปล่อยให้อีกคนหนึ่งนั่งสงสัย และทบทวนตัวเองอยู่อย่างเซ็งๆ ว่า ‘เอ้า นี่ฉันผิดอะไร?’ ซึ่งเหตุผลที่เขาหายไป คุณอาจต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เราต่างมี ‘ความสบายใจ’ ที่ไม่เท่ากัน คุณอาจคุยกับเขาแล้วสบายใจ แต่เขาอาจไม่ได้คิดเช่นนั้นกับคุณ เพราะเขาอาจรู้สึกว่าความสัมพันธ์เช่นนี้ไม่ใช่คำตอบของเขา เขาอาจไม่ได้ชอบคุณ (ในตอนนั้นที่หายไป) หรือเขาเพียงหวาดกลัวความสัมพันธ์ขึ้นมาก็เป็นได้ เนื่องจากความผิดพลาดที่ฝังใจจากความสัมพันธ์ครั้งก่อน

แต่ทีนี้ ‘การหายไป’ ของเขามักเกิดขึ้นรวดเร็ว ไม่ทันได้ตั้งตัว และมันอาจทำให้เรารู้สึกแย่ที่เขาไม่อธิบายอะไรสักอย่างให้เราเข้าใจ เรียกง่ายๆ ว่า เขาแทบไม่ได้แคร์อะไรเราเลย ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นกับความสัมพันธ์เชิงโรแมนติกเท่านั้น แต่ยังสามารถเกิดกับเพื่อนสนิทของคุณเองที่จู่ๆ ก็หายไปไม่ร่ำลา แต่ยังเปิดแอ็กเคานต์เราดู Netflix สบายใจเฉิบ หรือแม้แต่คนในครอบครัวหรือเพื่อนที่ทำงาน ซึ่งอาจหายตัวไปโดยไม่มีเหตุผล

แต่ในขณะที่เราเองก็ล้มเลิกความตั้งใจที่จะรอ อุตส่าห์ไม่สนใจแล้ว แต่ถ้าเขากลับมาล่ะ มันจะเป็นอย่างไรต่อ?

ภาพจากซีรีส์เรื่อง Sex Education (2019)

เหตุผลของความสัมพันธ์ที่เขาหายไปนานๆ ลำพังแค่หายไปรอบแรกแล้วกลับมา อย่างนี้ยังพอเข้าใจได้ แต่ถ้าสองรอบ สามรอบ บางทีเราก็งงแหละว่า ตกลงต้องการอะไรจากเรา จนเราอาจถอดใจและเลิกสนใจเขาไปเอง ซึ่งกลุ่มคนที่มาๆ หายๆ เหล่านี้มีการระบุเป็นคำเรียกว่า ‘Prowler’ ซึ่งมาจากกิริยา ‘Prowl’ ที่แปลว่า ‘ด้อมๆ มองๆ’ คล้ายจะเป็นเสือหนุ่มหรือเสือสาวเตรียมพร้อมตะปบเหยื่อ แต่ก็ต้องเริ่มต้นจากการด้อมๆ มองๆ ก่อน ความสัมพันธ์นี้มีลักษณะคล้ายกับความสัมพันธ์ของ ‘ผู้ล่า’ กับ ‘เหยื่อ’

กลุ่มคนที่มีลักษณะเป็น Prowler มักจะชอบเล่นกับความรู้สึกของอีกฝ่าย ตอนเข้ามาหา มากระทำสิ่งโรแมนติกกับคุณ เขาจะทำตัววิเศษเลิศเลอจนน่าใจหาย ก่อนจะหายไปราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณสองคน โดยเหตุผลอาจเป็นเพราะความไม่แน่นอนของเขาเองที่ยังไม่อยากสร้างความสัมพันธ์ หรืออาจเป็นคนขี้เบื่อ ไม่อยากยึดติดอยู่กับอะไรนานๆ ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลที่แล้วแต่คนจะเข้าใจ เขาจึงเลือกที่จะกลับมาหาและหายไป หายไปแล้วกลับมา แล้วก็หายไปอีก อย่างนี้เป็นวัฏจักร

แต่คุณก็อย่าเพิ่งคิดไปเองหรือคิดแทนอีกฝ่ายว่าเขารู้สึกอะไรถึงหายไป อย่าคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาอาจจะยังไม่พร้อม เพื่อความสบายใจของตัวเอง คุณก็แค่ปล่อยให้เขาหายไป ถ้าเขาหายไปเลยก็แค่หยุดการพูดคุยไว้ตรงนั้น ไม่ต้องเซ้าซี้หรือควานหาคำตอบ ในขณะเดียวกันคุณเองอาจมองย้อนมาที่ตัวเองว่า คุณเคยทำแบบนี้กับใครหรือเปล่า ไม่ใช่เรื่องเวรกรรม แต่ถ้าหากคุณเคยกระทำแบบเดียวกันกับคนอื่นมาก่อน เหตุผลที่ทำไปแบบนั้นคืออะไรล่ะ แล้วลองเอาเหตุผลนั้นมาใช้กับการหายตัวไปของเขาดูสิ มันอาจทำให้คุณสบายใจขึ้นก็ได้

ภาพจากภาพยนตร์เรื่อง Paper Towns (2015)

ส่วนคนที่เคยเป็น ‘คนที่หายไป’ คุณรู้หรือไม่ว่าบางครั้งมันทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเคว้งคว้างเหมือนกันนะ กับการไม่มีคำตอบให้กับสถานการณ์ดังกล่าว นอกเหนือจากนั้นคือการที่คุณอาจไม่ได้รับการไว้เนื้อเชื่อใจจากเขาอีก (หากคุณเกิดชอบเขาขึ้นมาจริงๆ) วิธีการดีที่สุดคือการพูดกับอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา เรารู้ว่าบางทีคุณอาจจะอยากรักษาน้ำใจ แต่มนุษย์ทุกคนควรได้รับการอธิบายในทุกๆ เรื่องให้เข้าใจ ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ หรือถ้าเกิดมีปัญหาบางอย่างที่ทำให้คุณต้องหายตัวไปอีก เช่น มีคนคุยอยู่หลายคน คุณอยากเก็บตัว หรือก็แค่ไม่อยากคุยแล้ว คุณก็แค่พูดออกไป อธิบายออกไปให้อีกฝ่ายเข้าใจ

ในฝั่งของคนที่ยังรอเขาตอบไลน์ เราต่างรู้ว่าการเป็นคน ‘รอ’ มันน่าเจ็บปวด แถมคุณยังต้องรอเขาแบบ ‘ไม่ทราบเหตุผล’ มันยิ่งเจ็บปวด แล้วคุณจะต้องรับมือกับสิ่งนี้อย่างไร ง่ายมาก ถ้าคุณเจ็บปวดกับเหตุการณ์นี้ คุณต้องเข้าใจก่อนเลยว่า ‘เฮ้ย มันเจ็บจริงๆ นะ’ ยอมรับความเจ็บปวดนั้น ไม่ใช่ว่าจะต้องโกรธแค้น คิดหาคำตอบ และหาวิธีเอาคืนเขา มันไม่ใช่เรื่องที่ดี คุณเพียงยอมรับและก้าวต่อไปเพื่อค้นหาใครสักคนที่เหมาะกับคุณ เปิดโอกาสให้ตัวเองเยอะๆ และอย่าเสียเวลา หรือถ้าหงุดหงิดใจมากๆ การได้พูดคุยเรื่องนี้กับเพื่อนๆ หรือครอบครัวก็เป็นทางออกที่ดีเมื่อได้ระบาย แต่อย่าระบายเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ หลายรอบ เดี๋ยวเพื่อนจะพานเบือนหน้าหนีกันหมด

ความต้องการของเราทุกคนแตกต่างกันในเรื่องความสัมพันธ์ เราอาจจะเป็นคนที่เห็นแก่ตัวที่หายไปจากเขา หรือเราอาจต้องเสียใจที่เขาหายไป แต่สุดท้ายเราอยากให้คุณเข้าใจตัวเอง ก่อนที่จะพยายามเข้าใจเขาว่าทำไมคุณต้องตกเป็นเหยื่อของ ‘ความไม่แน่นอน’ ของอีกฝ่ายด้วย ทั้งๆ ที่ฝ่ายผู้ล่าที่ว่าเป็น ‘เสือ’ ผู้ปราดเปรียวนั้น อาจเป็นเพียง ‘แมวน้อย’ ผู้อ่อนแอที่ร้องหงิงๆ และกำลังเรียกร้องความสนใจจากคุณอยู่ก็ได้

ภาพประกอบ: Chatchai C.

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง:

• www.psychologytoday.com/us/blog/the-couch/201705/6-ways-deal-the-pain-being-ghosted
• www.psychologytoday.com/us/blog/living-forward/201511/is-why-ghosting-hurts-so-much
• www.elitedaily.com/dating/expert-relationship-tips-dating-scene/1370632
• metro.co.uk/2019/01/14/prowling-is-the-hot-and-cold-dating-trend-coming-to-you-in-2019-8343922/
• www.refinery29.com/en-us/how-to-respond-to-ghosting