คุณฉีดวัคซีนแล้วหรือยัง? นี่คือประโยคทักทายใหม่ที่เราได้ยินกันเมื่อออกนอกบ้านไปตามร้านค้าหรือพบปะเพื่อนฝูง พร้อมๆ กับแลกเปลี่ยนประสบการณ์ผลข้างเคียงจากวัคซีน ตลอดจนการให้คำแนะนำหรือให้กำลังใจคนที่รอรับวัคซีน ซึ่งช่วงต้นเดือนมิถุนายนนี้มีความสำคัญมากต่อทิศทางการรับวัคซีนของคนไทย เพราะจะเป็นการปูพรมฉีดวัคซีนให้คนในประเทศ หวังลดการติดเชื้อรายวันและสร้างความมั่นใจให้คนกลับมาจับจ่ายใช้สอยและเดินทางในประเทศมากขึ้น
ในทางทฤษฎีแล้ว คนจะใช้จ่ายมากน้อยเพียงไร ขึ้นอยู่กับรายได้และความเชื่อมั่น ถ้าเราตัดประเด็นรายได้ออกไปก่อน และมองว่าหลังฉีดวัคซีนไปแล้วคนน่าจะมีความเชื่อมั่นมากขึ้น มั่นใจว่าเศรษฐกิจกำลังจะฟื้น ผู้คนจะกล้าเดินทางออกนอกบ้านมากขึ้น กิจกรรมทางเศรษฐกิจกำลังจะเปิดกว้างขึ้น เงินสะพัดมากขึ้น คนมีงานทำ การค้าขายดีขึ้น รายได้ก็น่าจะขยับตามมาสนับสนุนการใช้จ่ายอีกทอดหนึ่งได้
แต่คนที่ได้รับวัคซีนไปแล้วจะกล้าใช้จ่ายหรือเขามีข้อกังวลอื่นใดเพิ่มเติมกันอีกบ้าง ในช่วงนี้ที่มีคนไทยไม่ถึง 3% ที่ได้รับวัคซีนจึงยังไม่มีตัวเลขมาให้ประเมิน นักเศรษฐศาสตร์ที่ชอบซอกแซกสอบถามความเห็นผู้คนเพื่อประกอบการคาดการณ์เศรษฐกิจอย่างผมก็ต้องหาคำตอบ
จากการที่ซอกแซกไปตามศูนย์ที่ฉีดวัคซีนและสอบถามคนที่ได้รับวัคซีนว่า หากรับวัคซีนครบจนมีภูมิคุ้มกันแล้วจะกล้าออกจากบ้านมากขึ้นหรือท่องเที่ยวไหม มีทั้งกลุ่มที่อยากเที่ยวเพราะหยุดไปนานและกลุ่มที่กังวลต่อการติดเชื้อ
กลุ่มที่อยากเที่ยวหรือกล้าเดินทางออกนอกบ้านมากขึ้นมักเป็นกลุ่มคนหนุ่มสาว อาจด้วยต้องรับหน้าที่หาเลี้ยงครอบครัว จึงสบายใจขึ้นว่าน่าจะไม่นำเชื้อกลับจากทำงานนอกบ้านมาแพร่ให้คนในบ้าน แต่ก็มีกลุ่มที่แม้จะรับวัคซีนไปแล้ว ก็ยังกังวลและระมัดระวังการเดินทางนอกบ้านอยู่ โดยมากจะเป็นคนวัยกลางคนที่มีลูกยังไม่ถึงวัยรับวัคซีน เพราะกังวลว่าหากเดินทางท่องเที่ยวก็อาจทำให้ลูกมีโอกาสได้รับเชื้อได้ หรือมีต้นทุนการตรวจเชื้อโควิด-19 ให้ลูกตามข้อกำหนดใหม่ในการเดินทางซึ่งทำให้มีค่าใช้จ่ายมากขึ้น แต่คนกลุ่มนี้น่าจะกล้าเดินตลาดหรือแหล่งชุมชนเพื่อจับจ่ายซื้อของ
โดยรวมแล้วผมมองว่าหลังคนไทยได้รับวัคซีนมากขึ้นจนพอมีภูมิคุ้มกัน คนน่าจะเชื่อมั่นในการออกนอกบ้านมาจับจ่ายใช้สอย การบริโภคน่าจะขยายตัวดีขึ้น แต่การท่องเที่ยวในประเทศหรือสถานศึกษาที่เกี่ยวกับเด็กหรือเยาวชนที่ยังไม่ได้รับวัคซีน อาจยังไม่สามารถเปิดทำกิจกรรมได้ตามปกติ
นอกจากซอกแซกสอบถามคนที่ได้รับวัคซีน ผมก็ลองพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญการแพทย์ นอกจากข้อถกเถียงเรื่องประสิทธิภาพวัคซีนในการป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ หรือเรื่องการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ที่ยังไม่มั่นใจเต็มร้อยแล้ว สิ่งหนึ่งที่เห็นคล้ายกันคือคนไทยยังจำเป็นต้องรักษาระยะห่าง สวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกบ้าน และรักษาความสะอาดมืออย่างสม่ำเสมอ เขาลองชี้ให้เห็นจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันที่เพิ่มขึ้นในประเทศอังกฤษแม้มีผู้ได้รับวัคซีนราวครึ่งหนึ่งของประชากรแล้วก็ตาม หรือจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่และเสียชีวิตในประเทศมัลดีฟส์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งอาจสะท้อนว่าประเทศไทยเรายังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติในปีนี้ แม้เรากำลังฉีดวัคซีนกันก็ตาม
ในส่วนความคาดหวังของรายได้การท่องเที่ยวจากต่างประเทศนั้น กลุ่มหมอๆ อาจยังไม่หวังอะไรมากในปีนี้ อาจมองเป็นการทดลองที่หากเกิดการแพร่เชื้อมาใหม่ก็ต้องคุมการระบาดในพื้นที่ให้อยู่ แต่ยังเชื่อว่าเชื้อไวรัสในประเทศน่าจะบริหารจัดการได้ด้วยวัคซีนที่วางแผนไว้
หลังซอกแซกในประเด็นนี้ ในมุมนักเศรษฐศาสตร์ ผมพยายามหาคำตอบว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นอย่างไรหลังคนไทยได้รับวัคซีน ผมมองว่าการฉีดวัคซีนอย่างรวดเร็วเป็นทางออกสำคัญที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจ อย่างน้อยก็ให้คนคลายความกังวลในการติดเชื้อหรือลดความรุนแรงหากยังได้รับเชื้ออยู่ ซึ่งน่าจะสนับสนุนการฟื้นตัวในกลุ่มค้าปลีก ค้าส่ง
แต่ในส่วนของโรงแรมนั้น ผมมองว่ายังฟื้นตัวช้าตราบใดที่ยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติน้อย อาจดูดีขึ้นในช่วง Long Weekend จากนักท่องเที่ยวไทย แต่การท่องเที่ยวในประเทศอาจจำกัดในพื้นที่ใกล้กรุงเทพฯ ที่สามารถขับรถไปเที่ยวประเภทเช้าเย็นกลับได้
ส่วนของร้านอาหารแม้ฟื้นตัวดีขึ้น แต่ก็ยังไม่กลับไปเป็นปกติ เพราะยังจำกัดพื้นที่ในการให้บริการ และอาจด้วยคนเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาทำอาหารเองในบ้านมากขึ้น นอกจากเพื่อระมัดระวังด้านความสะอาดแล้ว คนจะพยายามลดรายจ่ายตามการจ้างงานที่ฟื้นตัวช้าและยังไม่ทั่วถึง เพราะฟื้นเพียงภาคการผลิตตามการส่งออกมากกว่าภาคบริการโดยเฉพาะกลุ่มท่องเที่ยว ที่สำคัญรายได้ยังไม่ฟื้น ดังเห็นได้จากการคาดการณ์จากหลายสำนักว่า GDP ไทยน่าจะโตต่ำกว่า 2% ในปีนี้ การบริโภคอ่อนแอ แม้ในระยะสั้นๆ หลังเปิดเมืองมากขึ้นนี้เราอาจเห็นคนเร่งการบริโภคหลังหยุดไปนาน หรือที่เรียกว่า Pent Up Demand แต่ผมมองว่าน่าจะเป็นเวลาเพียงชั่วคราว เพราะแม้ความเชื่อมั่นกลับมาหลังฉีดวัคซีน แต่รายได้ที่โตช้าและยังไม่กระจายตัวดี ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังมีไม่มาก อีกทั้งยังมีคนบางกลุ่มที่กังวลต่อผลข้างเคียงวัคซีน รวมถึงเด็กและเยาวชนต่ำกว่า 18 ปีที่ยังไม่ได้รับวัคซีน จึงยังเป็นความท้าทายต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยในปีนี้
ผมมานั่งนึกต่อว่า หากคนไทยได้รับวัคซีนจนครบ การท่องเที่ยวพลิกฟื้น เศรษฐกิจกลับมาขยายตัวได้ดีในปีหน้า เราจะสบายใจได้จริงๆ หรือเรายังมีวิกฤตอื่นที่รอเราอยู่ เพราะก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 ในปีที่แล้ว เศรษฐกิจไทยก็มีปัญหามากมาย เช่น เศรษฐกิจโตต่ำกว่าศักยภาพและซึมยาว การบริโภคอ่อนแอ หนี้ครัวเรือนที่สูง รายได้ครัวเรือนโตต่ำและขาดการกระจายตัว กลุ่มธุรกิจ SMEs ยังมีปัญหาหนี้เสีย เอกชนชะลอการลงทุนในประเทศ ปัญหาการเมือง และอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้นหลังพิชิตวิกฤตโควิด-19 ได้แล้ว เราคงต้องคิดหาวัคซีนเพื่อป้องกันวิกฤตเศรษฐกิจในอนาคตกันต่อไปด้วย