ฤดูร้อนปี 2567 ที่กำลังจะผ่านพ้นไปนี้ เชื่อว่าคนไทยทุกคนต่างก็ได้รับรู้ผลกระทบของสภาพอากาศแบบเอลนีโญไปไม่มากก็น้อย ด้วยอุณหภูมิตอนกลางวันที่ร้อนจนแทบจะดำเนินชีวิตตามปกติไม่ไหวกันเลยทีเดียว
แต่ทุกอย่างย่อมมีที่สิ้นสุด ตามข้อมูลล่าสุดของสถาบันวิจัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สภาพอากาศโลกจะเปลี่ยนจากลักษณะแบบเอลนีโญ ไปสู่สภาพอากาศโลกแบบนิวทรัล หรือสภาพเป็นกลาง ในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ สภาพนิวทรัลจะคงอยู่ประมาณ 3 เดือน หลังจากนั้นก็จะเปลี่ยนไปสู่สภาพอากาศแบบลานีญาแบบอ่อนตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป
ลานีญาเป็นสภาพอากาศด้านตรงข้ามกับเอลนีโญ ผลที่เกิดขึ้นก็จะตรงข้ามกันไปด้วย นั่นคือพื้นที่ไหนที่เคยมีความร้อนแล้งก็จะกลับไปมีฝนตกชุก ส่วนพื้นที่ไหนที่มีฝนตกมากผิดปกติในปีเอลนีโญ เมื่อเข้าสู่สภาพอากาศแบบลานีญาก็จะกลายเป็นพื้นที่ร้อนแล้งแทน
แต่สภาพอากาศแบบลานีญาในช่วงหน้าฝนของปีนี้มีสิ่งที่ต้องสังเกตเพิ่มเติม เนื่องจากตามรายงานของสำนักงานอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลีย จะเกิดสภาพอากาศ IOD แบบ Positive ผสมด้วย โดยจะเกิดสูงสุดในเดือนกรกฎาคม
สภาพอากาศ IOD คืออะไร
IOD ย่อมาจากคำว่า Indian Ocean Dipole ซึ่งก็คือความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศจากอุณหภูมิของผิวน้ำในมหาสมุทรอินเดีย คล้ายปรากฏการณ์เอลนีโญ-ลานีญาของมหาสมุทรแปซิฟิก แต่การที่มาเกิดในมหาสมุทรอินเดียบางครั้งก็มีคนเรียกสภาพอากาศนี้ว่า ‘อินเดียนนีโญ’ (Indian Niño)
IOD นั้นมี 3 เฟส เฟสแรกคือเฟสเป็นกลาง ฝนจะตกตามปกติทางอาเซียนและออสเตรเลีย เฟสต่อมาคือ Positive หรือเฟสบวก ซึ่งจะส่งผลให้มีฝนแล้งทางอาเซียนและออสเตรเลีย แล้วฝนไปตกชุกฝั่งอินเดียและแอฟริกา สุดท้ายคือ Negative ฝนจะตกหนักมากทางอาเซียนและออสเตรเลีย และฝนแล้งทางฝั่งอินเดียและแอฟริกา
การหนุนเสริมหรือหักล้างกันของสภาพอากาศทั้งสองแบบ
ประเทศฝั่งเอเชีย เช่น ไทย และอาเซียน รวมทั้งออสเตรเลีย ตั้งอยู่ระหว่างมหาสมุทรทั้งสองคือ มหาสมุทรแปซิฟิก และมหาสมุทรอินเดีย แน่นอนว่าต้องนำสภาพอากาศทั้ง Niño (เอลนีโญ-ลานีญา) และ IOD มาประเมินผลร่วมกัน เพราะในบางปีจะเกิดการหนุนเสริมกันอย่างรุนแรง เช่น สภาพอากาศแบบลานีญาแบบเข้มที่หนุนเสริมด้วย IOD เฟสลบแบบเข้มในปี 2010 ส่งผลให้ฝนหนักถล่มต่อเนื่องจนเกิดน้ำท่วม
ในรัฐควีนส์แลนด์ของออสเตรเลีย ผลนี้ยังส่งต่อมาถึงปี 2011 ที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ในไทย หรือในปีที่เอลนีโญแบบเข้มหนุนเสริมด้วย IOD เฟสบวกแบบเข้ม ก็จะเกิดอากาศร้อนแล้งผิดปกติในแถบอาเซียน ตลอดจนเกิดไฟป่านานหลายเดือนในออสเตรเลีย เป็นต้น
ตรงกันข้ามกับการหนุนเสริมกัน การหักล้างกันของสภาพอากาศจากทั้งสองมหาสมุทรก็เกิดขึ้นได้ นักวิชาการประเมินว่า การเกิดลานีญาแบบอ่อนหลังเดือนสิงหาคมของปีนี้อาจถูกหักล้างจาก IOD เฟสบวกแบบอ่อน ทำให้ผลของสภาพอากาศแบบลานีญาไม่ปรากฏชัดเจนอย่างที่ควรจะเป็น เช่น จำนวนพายุหมุนเขตร้อนที่จะนำฝนมาเติมเขื่อนในไทย หรือปริมาณเฉลี่ยของฝนจากมรสุม อาจน้อยกว่าปีที่ไม่มีการหักล้างกัน
อย่างไรก็ตาม การศึกษา IOD ไปจนถึงการสร้างแบบจำลองยังเป็นของใหม่ที่มีอายุไม่ถึง 20 ปี ข้อมูลจากการสังเกตการณ์อาจต้องการเวลาปรับปรุงอีกสักระยะจึงจะเกิดความแม่นยำ
จากสิ่งที่กล่าวมาอย่างน้อยก็ทำให้เราทราบว่า ความร้อนแล้งจากสภาพอากาศแบบเอลนีโญในไทย แม้จะไม่จากไปในทันที แต่ก็จะเบาบางลงจนหายไปในที่สุด ผลต่อเนื่องของความร้อนอาจยังคงอยู่อีกระยะ อย่างน้อยก็คงไม่ร้อนจัดอย่างที่เป็นอยู่ในเดือนเมษายนปีนี้
ภาพ: Chaiwat Subprasom / SOPA Images / LightRocket via Getty Images
อ้างอิง: