อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี โดยราคาอาหาร เชื้อเพลิง และทุกอย่าง ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นทุกเดือน แต่สมาร์ทโฟนอาจเป็นข้อยกเว้น
ด้วยการที่ Apple เปิดตัว iPhone รุ่นใหม่และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ และกล่าวว่าจะไม่เก็บเงินไปมากกว่านี้แม้จะมีต้นทุนของอุปกรณ์ที่แพงขึ้นก็ตาม สิ่งนี้ทำให้หลายฝ่ายงุนงง เนื่องจากบริษัทมักจะขึ้นราคาตามอัตราเงินเฟ้อ หรืออย่างน้อยก็เพียงพอที่จะครอบคลุมต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในการผลิตผลิตภัณฑ์ของตน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ไทยขยับขึ้นเป็น Tier 1 แล้ว! Apple เปิดให้สั่งจอง ‘iPhone 14’ วันแรก 9 ก.ย. เริ่มวางจำหน่าย 16 ก.ย.
- สื่ออเมริกาตกใจ ‘iPhone 14’ ไม่ขึ้นราคา แต่ไม่ใช่ในไทยที่รุ่นเริ่มต้นเพิ่มขึ้น ‘อย่างน้อย 2,000 บาท’ แถมแพงกว่าญี่ปุ่นทั้งที่เงินเยนอ่อนค่ากว่ามาก
- Apple Store คึกคัก หลังไทยขยับ Tier 1 เปิดขาย iPhone 14 เป็นกลุ่มประเทศแรก
ดัชนีราคาของผู้บริโภคทำให้เรื่องนี้เข้าใจยากขึ้นไปอีก โดยจากดัชนีราคาผู้บริโภคล่าสุดชี้ให้เห็นว่าราคาสมาร์ทโฟนลดลง 20.4% จากในเดือนสิงหาคมของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการลดลงที่ใหญ่ที่สุดของรายการค่าใช้จ่ายโดยละเอียดที่สำนักสถิติแรงงานติดตาม และตรงกันข้ามกับราคาโดยรวมที่เพิ่มขึ้น 8.3%
ทำไมราคาสมาร์ทโฟนจึงถูกลง?
การลดลง 20% ในปีที่ผ่านมาไม่ใช่เรื่องแปลกนักสำหรับสมาร์ทโฟน ในความเป็นจริง ตามดัชนีมักจะลดลงจากเดือนสู่เดือนอยู่แล้ว นับตั้งแต่สิ้นปี 2019 ราคาของสมาร์ทโฟนได้ลดลงอย่างมากถึง 40%
และแม้ว่าสมาร์ทโฟนกำลังแสดงการลดลงที่ใหญ่ที่สุดในดัชนี แต่อุปกรณ์เทคโนโลยีในแวดวงอื่นๆ อย่างคอมพิวเตอร์และสมาร์ทวอทช์ก็มักจะลดลงเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ดัชนีราคาของโทรทัศน์ลดลง 19% และสินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศโดยรวมลดลง 8.8%
สาเหตุของการลดลงอย่างต่อเนื่องจริงๆ แล้วถูกฝังอยู่ในเว็บไซต์ของสำนักสถิติแรงงาน เพราะดัชนีราคาของผู้บริโภคจะพยายามวัดคุณภาพสินค้าและบริการในระบบเศรษฐกิจที่คงที่ ซึ่งหมายความว่าจะพยายามติดตามการเปลี่ยนแปลงราคาของสินค้าและบริการชุดเดียวกันทุกเดือน เป็นการเปรียบเทียบราคาวันนี้กับราคาของสิ่งเดียวกันเมื่อเดือนหรือปีที่แล้ว
สำหรับสินค้าส่วนใหญ่ไม่มีปัญหา เพราะคุณภาพของสินค้าไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนักในช่วงเวลาที่ค่อนข้างเล็กน้อย แต่สำหรับสินค้าอย่างสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เสริมที่อัดไปด้วยเทคโนโลยีนั้นต่างออกไป เพราะปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
โดยจากอัปเดตล่าสุดของ iPhone หรือ Samsung Galaxy ที่รออยู่ในทุกๆ ลมหายใจ ยากที่จะรองรับว่าคุณกำลังเปรียบเทียบราคาของผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเท่ากันทุกประการ
สำหรับสินค้าที่มีการปรับปรุงคุณภาพอยู่ตลอด สำนักสถิติแรงงานใช้สิ่งที่เรียกว่า ‘การถดถอยแบบเฮโดนิก’ เพื่อประเมินการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ในด้านคุณภาพเมื่อเวลาผ่านไป มันจะวัดความพึงพอใจในปริมาณเท่ากัน แม้ว่าจะฟังดูซับซ้อน แต่เป้าหมายก็ง่ายๆ คือเพื่อค้นหาว่าฟีเจอร์สมาร์ทโฟนใหม่แต่ละอย่างส่งผลต่อราคามากน้อยเพียงใด
ดังนั้น การลดลง 20.4% ไม่ได้หมายความว่าคุณจ่ายเงินถูกลงสำหรับสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ แต่คุณจะได้รับฟีเจอร์ที่ดีขึ้น 20% จากเงินที่จ่ายไปเมื่อเทียบกับโทรศัพท์เครื่องเดียวกันในปีที่แล้ว
เหตุใด Apple จึงสามารถประคองราคา iPhone ไว้ได้
แทนการขึ้นราคา Apple เลือกที่จะปล่อย iPhone รุ่นล่าสุดในราคาเดียวกับสองรุ่นที่ผ่านมาแทน 799 ดอลลาร์สำหรับ iPhone 14 และ 999 ดอลลาร์สำหรับรุ่น Pro การรักษาราคาให้คงที่ในช่วงเวลาที่เงินเฟ้อหมายความว่า iPhone มีราคาถูกลง
ด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่มากกว่า 40% หมายความว่านั่นเป็นจำนวนเงินที่มากกว่าต้นทุนในการผลิตผลิตภัณฑ์และบริการทั้งหมด บริษัทจึงสามารถรับภาระราคาชิปที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนส่วนประกอบอื่นๆ ได้
อาจเป็นเพราะจากตลาดสมาร์ทโฟนมีการแข่งขันสูง ทำให้ Apple ต้องคงราคาไว้เท่าเดิม เพื่อสร้างส่วนแบ่งทางการตลาดในสหรัฐฯ ซึ่งบริษัทต้องการส่วนแบ่งมากกว่า 50% ในตอนนี้อย่างแน่นอน
ภาพ: Courtesy of Apple
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP