ได้ยินชื่อเรื่องพร้อมกับเห็นโปสเตอร์ซีรีส์ House of Ninjas ทาง Netflix พานให้คิดว่าจะเป็นซีรีส์บู๊เลือดสาดตามสไตล์ญี่ปุ่น แต่จริงๆ แล้วนี่คือซีรีส์ครอบครัวสายลับที่ผนวกเอาอารมณ์ขัน ฉากแอ็กชันมันๆ และเรื่องราวดราม่าผสมรวมกันได้อย่างกลมกล่อม อำนวยการสร้างโดย TOHO Studios และ Netflix กำกับโดย เดฟ บอยล์ ผู้กำกับเชื้อสายเอเชียน-อเมริกัน และหนึ่งในผู้ออกไอเดียโครงเรื่องก็คือ เคนโตะ คาคุ ซึ่งเป็นนักแสดงนำในเรื่องนี้ด้วย
นินจาหรือชิโนบิเป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น และจะเป็นอย่างไรหากสายเลือดนินจายังคงดำรงอยู่ในยุคปัจจุบัน นี่คือสารตั้งต้นของ House of Ninjas ที่ว่าด้วยเรื่องราวของครอบครัวนินจาที่ยังคงปฏิบัติภารกิจอย่างลับๆ ในสังคมยุคใหม่ โดยได้แรงบันดาลใจจากบุคคลจริงในประวัติศาสตร์นั่นคือ ฮัตโตริ ฮันโซ นินจาชื่อดังแห่งยุคเซนโกคุ ซึ่งรับใช้ตระกูลโทกุงาวะและช่วยให้ โทกุงาวะ อิเอยาซุ ปกครองญี่ปุ่นจนเป็นปึกแผ่น ชื่อเสียงของเขากลายเป็นที่พูดถึงจนทุกวันนี้ผ่านวัฒนธรรมป๊อปต่างๆ หนึ่งในนั้นคือมังงะเรื่อง นินจาฮาโตริ การ์ตูนชื่อดังในยุค 80
House of Ninjas ว่าด้วยเรื่องราวของตระกูลทาวาระซึ่งเป็นตระกูล ‘ชิโนบิ’ กลุ่มสุดท้ายที่สืบเชื้อสายมาจาก ฮัตโตริ ฮันโซ พวกเขายังคงปฏิบัติภารกิจลับๆ โดยมีกิจการโรงกลั่นเหล้าบังหน้า หลังจากภารกิจช่วยเหลือนักการเมืองเมื่อ 6 ปีก่อน ทำให้พวกเขาต้องสูญเสีย กาคุ (เคนโกะ โคระ) ลูกชายคนโตของตระกูลไป โซอิจิ (โยสุเกะ เอกุจิ) ผู้เป็นพ่อจึงหันมาใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบคนธรรมดา ในขณะที่ โยโกะ (ทาเอะ คิมูระ) ยังคงใฝ่หาชีวิตที่น่าตื่นเต้นด้วยการขโมยของตามซูเปอร์มาร์เก็ต และ นางิ (อาจู มาคิตะ) ลูกสาวคนเดียวของบ้านก็ยังแอบใช้ทักษะนินจาขโมยของโบราณในพิพิธภัณฑ์ มีเพียง ฮารุ (เคนโตะ คาคุ) ลูกชายคนที่สองที่ไม่คิดอยากจะเป็นนินจาตั้งแต่ต้น แต่ก็มีพรสวรรค์ทางด้านนี้ เขาเลือกทำงานกะดึกเพื่อหลีกเลี่ยงการสืบทอดธุรกิจของตระกูล โดยในบ้านยังมีคุณย่า ทากิ (โนบุโกะ มิยาโมโตะ) นินจาหญิงรุ่นเดอะ และน้องชายคนเล็ก ริคุ (เทนตะ บังกะ) น้องชายคนเล็กผู้ไม่รู้ความลับของตระกูล
แต่แล้ววันหนึ่งหน่วย BNM ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลภารกิจของนินจายุคปัจจุบันอยากให้ตระกูลทาวาระกลับสู่วงการอีกครั้ง เพราะเห็นความไม่ชอบมาพากลของลัทธิประหลาดซึ่งคาดว่าจะมีนินจาในตระกูลฟูมะคู่ปรับตลอดกาลอยู่เบื้องหลัง ในจังหวะนั้นเองฮารุก็กำลังจิตใจหวั่นไหวไปกับ คาเรน (ริโฮะ โยชิโอกะ) นักข่าวสาวที่แอบมาสืบเรื่องราวเกี่ยวกับองค์กรลับ เรื่องมาพลิกเมื่อหนึ่งในตัวละครลับโผล่ขึ้นมา นำไปสู่เรื่องราวดราม่าแอ็กชันสอดแทรกอารมณ์ขันแบบชีวิตครอบครัว
ถึงจะเป็นซีรีส์ญี่ปุ่นแต่ก็เรียกได้ว่า House of Ninjas มีกลิ่นอายความเป็นซีรีส์อเมริกันอยู่พอสมควร แม้จะไม่นับรวมเพลงประกอบซีรีส์ที่ใช้เพลงภาษาอังกฤษทั้งหมด แต่ด้วยเรื่องราวครอบครัวสายลับก็ทำให้นึกถึงแอนิเมชันเรื่อง The Incredibles นอกจากนี้การแสดงแบบโอเวอร์แอ็กติ้งแบบญี่ปุ่นก็ถือว่าน้อยลงไปเยอะหากเทียบกับซีรีส์สัญชาติเดียวกัน ส่วนหนึ่งก็อาจเป็นเพราะผู้กำกับผ่านงานลูกผสมญี่ปุ่นและฮอลลีวูดมาแล้ว
House of Ninjas เปิดเรื่องด้วยการพาไปดูชีวิตที่น่าเบื่อของสมาชิกในครอบครัวหลังจากต้องเลิกทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด และยังค่อยๆ สอดแทรกกฎข้อห้ามหลายอย่างของเหล่านินจาที่ดูแล้วไม่ค่อยสอดรับกับวิถีชีวิตของคนในปัจจุบันสักเท่าไร เช่น ห้ามกินเนื้อสัตว์ ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ ห้ามแสดงตัว และห้ามมีความรัก สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ฮารุไม่อาจยอมรับและฝ่าฝืนกฎมาโดยตลอด และยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อเขาได้พบกับคาเรน
ความไม่สอดรับกันของวิถีชีวิตนินจากับโลกสมัยใหม่ยังกลายเป็นมุกตลกที่นำมาใช้ในช่วงแรก ควบคู่ไปกับอารมณ์ขันในปัญหาชีวิตครอบครัว เช่น พฤติกรรมน่าสงสัยของคู่รักที่อยู่ด้วยกันมาหลายปี หรือพฤติกรรมสุดเฟียร์ซของคุณย่า ทั้งการแอบใช้วิชานินจาในบ้าน หรือการสื่อสารประหลาดๆ กับเพื่อนร่วมรุ่น รวมถึงการดูหนังสือวาบหวิวผู้ชายไปพร้อมๆ กับสอนวิชานินจาให้หลานชายคนเล็ก เป็นต้น พร้อมๆ กับสอดแทรกฉากแอ็กชันพอกรุบกริบ และประเด็นดราม่าบาดแผลในใจของนางิที่เหมือนจะเป็นคนเดียวในครอบครัวที่ยังทำใจกับการสูญเสียพี่ชายคนโตไปไม่ได้ ซึ่งจะเพราะความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ใน 4 ตอนแรกออกมาค่อนข้างเชื่องช้าและน่าเบื่อเหมือนชีวิตครอบครัวทาวาระ แต่ก็ไม่ถึงขั้นถอดใจเทพาร์ตที่เหลือไปเสียก่อน
พาร์ตของความเข้มข้นมาเริ่มต้นหลังจากอีพีที่ 4 เมื่อเนื้อเรื่องปูพื้นฐานมาแน่นพอ ก็ถึงคราวที่ครอบครัวทาวาระได้ลงสนามแบบครบถ้วน นำมาสู่ฉากแอ็กชันสวยๆ ตามแบบศิลปะการต่อสู้ของญี่ปุ่น แต่ก็ไม่ลืมสอดแทรกมุกตลกครอบครัวที่มีสถานการณ์เป็นเหตุ ในพาร์ตนี้ทำให้เราได้เข้าใจบทบาทของแต่ละคนในตระกูลและคาแรกเตอร์บางอย่างที่ทั้งสับสนยุ่งเหยิง แต่ก็มีเสน่ห์ทำให้รู้สึกหลงรักได้ไม่ยาก ซึ่งนอกจากเนื้อหาหลักที่ว่าด้วยการต่อสู้กับองค์กรลับฝีมือฉกาจแล้ว ก็วกกลับไปที่แกนกลางของเรื่องคือความรักความผูกพันของคนในครอบครัว แม้มันออกจะไม่ปกติก็ตาม
อีกส่วนที่ซีรีส์เหมือนจะนำเสนอเพื่อปูทางไปสู่ซีซันที่ 2 ก็คือความหมายของความดีที่ขึ้นอยู่ที่คนมอง เพราะมีบางช่วงบางตอนที่เนื้อหาพลิกกลับให้คนดูตั้งคำถามว่าคาแรกเตอร์ตลกๆ ของคนในองค์กรที่เราตั้งใจเชียร์มาครึ่งเรื่อง พอจะร้ายขึ้นมาก็ทำให้เราเปลี่ยนข้างได้ไม่ยาก เช่นเดียวกับหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวที่เลือกวิถีทางของตัวเอง แม้จะต้องกลายเป็นศัตรูของคนทั้งตระกูลก็ตาม
โดยภาพรวม House of Ninjas สามารถสร้างสมดุลระหว่างแอ็กชันกับอารมณ์ขันและดราม่าเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว แม้เนื้อหาอาจคาดเดาได้ แต่ก็ให้ความบันเทิงแบบอิ่มๆ ได้เหมือนกัน ที่สำคัญนี่เป็นอีกครั้งที่พิสูจน์ว่าญี่ปุ่นเก่งเรื่องขายซอฟต์พาวเวอร์ อย่างน้อยก็ทำให้ผู้เขียนอยากศึกษาประวัติศาสตร์นินจา และอยากไปเที่ยวปราสาทโอดาวาระสักครั้ง
ภาพ: Netflix