นอกจากชะอำ-หัวหินแล้ว เขาใหญ่นับเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของคนกรุงที่มักเดินทางไปพักผ่อนหย่อนใจอยู่บ่อยครั้ง ค่าที่ว่าไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ยิ่งช่วงอากาศหนาวๆ ได้ไปนอนสัมผัสไอเย็น ตามองท้องฟ้าดูดาว ก็นับเป็นความสุขที่อยู่ไม่ไกล แม้ส่วนตัวผู้เขียนเองจะมีโอกาสเดินทางไปเยือนเขาใหญ่อยู่บ่อยครั้ง แต่ทุกครั้งที่ไปก็รู้สึกว่าเขาใหญ่เปลี่ยนไปทุกที ไม่ว่าจะเป็นร้านรวงเกิดใหม่ สองข้างทางเต็มไปด้วยคาเฟ่ฮิปๆ หรือการที่ร้านอาหารเก่าแก่ได้ย้ายสถานที่ตั้งเพราะสู้ทัพนักท่องเที่ยวไม่ไหว หรือไม่ก็ขายเพราะได้กำไรสูง ไว้เปิดที่ใหม่ก็ได้ อย่างล่าสุดมีโอกาสได้ไปเยือนโรงแรมน้องใหม่ที่มีคอนเซปต์แน่นมากอย่าง โฮเทล ลาบาริส เขาใหญ่ (Hotel Labaris Khao Yai) ที่ได้เนรมิตพื้นที่โล่งให้กลายเป็นอาณาจักรลึกลับเล่าขานตำนานของเขาใหญ่ให้ผู้มาเยือนได้พิศวงปนสงสัย ซึ่งถ้าหากถอดชื่อโรงแรมมาวิเคราะห์ดูจะเห็นว่า Labaris มาจากคำว่า Labyrinth ที่แปลว่า เขาวงกต จึงเข้าใจได้ว่าโรงแรมแห่งนี้ไม่น่าจะสร้างตามตำราออกแบบโรงแรมที่ไหนๆ ในเมืองไทย เพราะมันคือการนำพาแขกเข้าสู่ดินแดนแห่งเขาวงกตนั่นเอง
ขอแนะนำให้รู้จัก ‘คิงมิโนทอร์’ ผู้ปกครองดินแดน
ว่ากันว่าผู้ปกครองอาณาจักรแห่งนี้ ได้แก่ คิงมิโนทอร์ (รูปกายเป็นคน ศีรษะเป็นโค) ผู้สรรสร้างอาคารหินอ่อนยอดแหลมรูปทรงแปลกตาที่ซ่อนตัวอยู่ในสวนป่า ทุ่งดอกไม้ที่มีการเล่นสเปซและระดับของพื้นที่ ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกเหมือนถูกโอบล้อมด้วยขุนเขา ก่อนหลุดเข้าไปในดินแดนแห่งโลกจินตนาการ ท่านผู้ปกครองเล่าว่าการมาเยือนที่พักแห่งนี้คล้ายกับการอ่านหนังสือทีละบท เปิดไปทีละหน้า ทีละดินแดนจนครบ 5 Chapter
เริ่มจาก Chapter 1: เนินดินที่พำนักของเหล่าสัตว์วิเศษตัวน้อย โซนนี้ต้อนรับเราด้วย Rabbit Cafe ขนาดกะทัดรัดที่ซ่อนตัวอยู่ใต้เนินดินคล้ายโพรงกระต่าย ภายในเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยที่พำนักอยู่ในร้านกาแฟ จำหน่ายเมล็ดกาแฟไทยที่เบลนด์จนได้เอกลักษณ์เฉพาะตัวประจำคาเฟ่ เสิร์ฟพร้อมเค้กสดใหม่ โดยเฉพาะเค้กมะพร้าวที่หวานกำลังดี แต่หอมกลิ่นมะพร้าวสุดๆ เรียกได้ว่าต่อให้ไม่ได้มาพักที่นี่ก็สามารถแวะเข้ามาลิ้มลองกันได้ เพราะที่นี่ถ่ายรูปสวยแน่นอน
ทางเข้า Rabbit Cafe
กระรอกน้อยเจ้าของพื้นที่
ต่อไปเป็น Chapter 2: ปราสาทหลังงาม ท่านใดที่ได้เข้ามาในพื้นที่ส่วนนี้นับว่าโชคดี เพราะคุณถือเป็นแขกคนสำคัญของคิงมิโนทอร์ เมื่อเดินผ่านเขาวงกตเราจะได้พบกับปราสาทหลังงาม 2 หลัง ได้แก่ Starry Castle และ Midnight Castle ซึ่งแบ่งเป็นห้องพักประเภทต่างๆ ดูจากภายนอกคล้ายกับว่าเรากำลังพักอยู่ในปราสาทจริงๆ เพราะมีการเล่นระดับชั้นและการวางเลย์เอาต์ห้องที่ต่างจากการเข้าพักโรงแรมอื่นๆ ในเขาใหญ่ พื้นที่ส่วนนี้ยังเป็นที่ตั้งของ Siren’s Deck ซึ่งเป็นรูฟท็อปบาร์ที่จะเปิดให้บริการในช่วงเดือนตุลาคม 2562 อีกด้วย
(บน) ปราสาททั้งสองหลัง (ล่าง) บันไดสู่ยอดปราสาท
ห้องพักดีลักซ์
นอกจากนี้ส่วนของที่พักยังคาบเกี่ยวมาที่ Chapter 3: สวนไร้ขอบเขต ซึ่งเป็นห้องพักระดับพูลวิลล่า แต่กว่าจะถึงตัวห้องเราต้องฝ่าสวนหิน Laughing Stone Garden และการลวงตาของสวนไร้ขอบเขตจึงจะพบกับ Secret Village หมู่บ้านลึกลับที่มีอยู่เพียง 10 ห้องพักเท่านั้น ทุกห้องมีสระว่ายน้ำส่วนตัวและห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ กว้างขวางและเป็นส่วนตัว ไม่ต้องกลัวว่าสิงสาราสัตว์ในเทพนิยายที่ไหนจะมากวนใจ เพราะสวนแห่งนี้ร่ายมนต์ป้องกันภัยไว้แล้ว
จากล็อบบี้สู่ Secret Village
เดินดีๆ ระวังหลง
ห้องพูลวิลล่า
Chapter 4: กองทัพต้องเดินด้วยท้อง มาดูโรงครัวหรือห้องอาหารกันบ้าง การออกแบบคล้ายเรือนกระจก เปิดรับแสงธรรมชาติ ที่นี่เสิร์ฟอาหารสไตล์ Thai Cuisine and Grill Bar เมนูอาหารไทยเด่นๆ ได้แก่ เมนูพื้นบ้านจากภาคต่างๆ เช่น แกงรัญจวน แกงมัสมั่นขาแกะ ฯลฯ ควบคู่กับจานฝรั่งอย่างสเต๊กเนื้อริบอายหรือแกะย่าง ส่วนเมนูเครื่องดื่มก็ไม่น้อยหน้าที่อื่น เพราะมีทั้งไวน์ เบียร์ และค็อกเทลแปลกใหม่ที่ใช้ส่วนผสมได้มาตรฐาน รวมถึงเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ก็มีตัวเลือกมากมาย แน่นอนว่าห้องอาหารแห่งนี้ต้อนรับแขกที่ไม่ได้พักกับทางโรงแรมด้วยเช่นกัน แต่ควรโทรสำรองที่นั่งล่วงหน้า
ตัวอาคาร Labaris Restaurant
(บน) มัสมั่นแกะและแกงรัญจวน (ล่าง) แกะย่าง
ค็อกเทลต่างๆ
ดินแดนท้ายสุดที่เราอยากพาไปเยือน ได้แก่ Chaper 5: ธารน้ำสวย เมื่อพูดถึงธารน้ำ คุณอาจไม่เชื่อว่าภายในโรงแรมแห่งนี้จะมีธารน้ำจริงๆ แต่มันก็เป็นไปแล้ว เพราะโรงแรมตั้งอยู่ติดกับลำธารธรรมชาติที่ไหลมาจากต้นสาย ก่อนผ่านเส้นทางนี้ไปสู่ปลายน้ำ บรรยากาศตอนเช้าสวยได้ใจมาก แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าธารน้ำธรรมชาติอาจไม่เหมาะสำหรับการลงว่าย เพราะอาจเกิดอันตรายได้ แนะนำให้ว่ายในสระ Nomadic Creek ที่เป็นสระน้ำขนาดใหญ่ ดีไซน์ตามแบบธรรมชาติเหมือนแม่น้ำคดเคี้ยว หรือสระเด็ก Cub’s Creek จะดีกว่า นอกจากนี้ยังมีสนามเด็กเล่นไว้บริการแขกตัวน้อยอีกด้วย
Nomadic Creek
ยามค่ำคืนเมื่อประดับด้วยไฟ
อีกหนึ่งผู้พิทักษ์ริมสระ
จากที่เล่ามาทั้งหมด อย่าเพิ่งกลัวว่าจะหลง เดินทางกลับห้องพักไม่ถูก หรือไปไหนมาไหนลำบาก เพราะคำว่าเขาวงกตถูกนำมาใช้เป็นกิมมิกในการออกแบบทางเดินและการตกแต่งเท่านั้น เส้นทางสายหลักสู่ล็อบบี้ ห้องพัก ห้องอาหาร หรือสระว่ายน้ำยังคงชัดเจนและเข้าใจได้ไม่ยาก ถือเป็นคอนเซปต์โรงแรมในเมืองไทยที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝนหรือฤดูหนาวที่น่าจะโรแมนติกเหมือนในเทพนิยาย
ภาพ: Courtesy of Hotel Labaris Khao Yai
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
- Hotel Labaris Kao Yai ตั้งอยู่ริมถนนธนะรัชต์ กิโลเมตรที่ 16 เขาใหญ่ ห่างจากกรุงเทพฯ 200 กิโลเมตร สำรองห้องพักได้ที่ 06 3190 1900 และ 0 4430 0999 www.hotellabaris.com