บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้ (12 เมษายน) แม้ดัชนี SET จะถูกกดดันจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่กลับมาแพร่ระบาดรุนแรงในระลอกใหม่ กดดันให้ดัชนี SET เช้าวันนี้ปรับตัวลดลงไปราว 10.12 จุด มาเคลื่อนไหวอยู่ที่บริเวณ 1,556 จุด แต่หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลยังคงปรับตัวขึ้นโดดเด่น และเป็นการขึ้นต่อเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ที่ 9 เมษายน หลังรัฐบาลเปิดทางให้โรงพยาบาลเอกชนสามารถนำเข้าวัคซีนได้เองเพื่อเป็นทางเลือกแก่ประชาชน
ล่าสุด ณ เวลา 10.30 น. หุ้น บมจ.เชียงใหม่รามธุรกิจการแพทย์ (CMR) +11.86%, บมจ.โรงพยาบาลวิภาวดี (VIBHA) +9.62%, บมจ.เอกชัยการแพทย์ (EKH) +1.61%, บมจ.โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง (WPH) +0.85%
บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) +6.21%, บมจ.พริ้นซิเพิล แคปิตอล (PRINC) +0.90%, บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) -1.05%, บมจ.โรงพยาบาลพระรามเก้า (PR9) +0.97%, บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) +0.45% และ บมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG) +3.36%
ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส ระบุว่า แม้การระบาดของโรคโควิด-19 รอบใหม่อาจสร้าง Downside การฟื้นตัวของกลุ่มโรงพยาบาลบ้าง แต่ฝ่ายวิจัยยังเห็นปัจจัยบวกมีน้ำหนักมากกว่า จากทั้งความพร้อมของโรงพยาบาลที่ปรับตัวดีขึ้น เช่น รายได้เสริมจากการตรวจโควิด-19 และการบริหารต้นทุนภายใน คาดชดเชยผลกระทบ
ประกอบกับรัฐเริ่มหาแนวทางจัดหาวัคซีนทางเลือกจากโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งคาดจะมีความชัดเจนในเดือนพฤษภาคม 2564 เป็น Upside จากทั้งรายได้บริการวัคซีน และการระบาดกลับสู่ปกติเร็วกว่าคาด
สำหรับ Upside จากบริการวัคซีน ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดว่าดีต่อกลุ่มที่มีฐานสาขาหลายแห่ง และยิ่งมากขึ้นในกลุ่มที่มีฐานกำไรไม่สูง โดยจากการศึกษาของฝ่ายวิจัย ผู้ที่ได้ผลบวกมากสุด คือ BCH, BDMS, CHG ตามลำดับ ภายใต้สมมติฐานแบ่งวัคซีนตามส่วนแบ่งตลาดเตียง และกำหนดอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ที่ 15% ตามค่าเฉลี่ยของกลุ่มโรงพยาบาลในปีปกติ กำไรจะเพิ่มราวปีละ 6.9%, 4.2% และ 3.4%
ขณะที่ Upside อีกส่วนคือ อานิสงส์บวกผู้ป่วยไทยที่จะฟื้นตัวดีขึ้น และแนวโน้มเปิดประเทศรับผู้ป่วย Fly-in โดยฝ่ายวิจัยศึกษา Sensitivity Analysis คาดทุกๆ 5% ของรายได้ที่ฟื้นตัว โดยเฉลี่ยจะหนุนกำไรแต่ละบริษัทเพิ่มขึ้นราว 7-8%
