ท่ามกลางภาวะตลาดหุ้นไทยที่ค่อนข้างผันผวนตลอดเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หุ้นในกลุ่มการแพทย์ (HEALTH) เป็นกลุ่มที่สามารถปรับตัวขึ้นได้โดดเด่นที่สุด โดยได้รับอานิสงส์จากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ที่กลับมาระบาดหนักอีกครั้ง
โดยดัชนีของกลุ่มการแพทย์ปรับขึ้นมาได้ราว 6-7% ในเดือนนี้ ทำจุดสูงสุดนับแต่ปลายปี 2562 ขณะที่ราคาหุ้นบางตัวในกลุ่มนี้สามารถพุ่งขึ้นมาทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ได้แก่ บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) บมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG) และ บมจ.โรงพยาบาลราชธานี (RJH)
ปริญญ์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ เปิดเผยว่า แนวโน้มรายได้ของโรงพยาบาลที่ให้บริการเกี่ยวกับการตรวจและรักษาโควิด-19 จะเพิ่มขึ้นแน่นอน ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศที่รุนแรงขึ้น จากเดิมที่หลายคนมองว่าการระบาดรอบนี้อาจจะกินเวลา 1-2 เดือน แต่ตอนนี้กลับลากยาวมากขึ้น
“ช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่อง ทำให้หุ้นหลายตัวขยับขึ้นมาถึงราคาเป้าหมาย ซึ่งอิงกับผลประกอบการของปี 2565 ไปแล้ว อย่าง BCH ที่เคยมีอัปไซด์ 50-60% ในช่วงต้นปี ตอนนี้ก็ขยับขึ้นมาถึงเป้าหมายที่ 23 บาทแล้ว”
ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่อาจจะถือหุ้นเพื่อ Let Profit Run ต่อไปได้ เพราะสถานการณ์ตอนนี้คาดเดายากว่าจะจบลงเมื่อใด หากยังแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นก็จะช่วยหนุนราคาหุ้นต่อไป แต่สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีหุ้นอยู่ การจะเข้าจังหวะนี้อาจจะลำบาก เพราะราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาค่อนข้างมาก อาจต้องอาศัยจังหวะของการอ่อนตัว
“ในระยะสั้นมองว่า BCH และ CHG จะได้รับประโยชน์มากสุด โดยปกติแล้วไตรมาส 2 จะเป็นโลว์ซีซันของโรงพยาบาล แต่ไตรมาส 2 ปีนี้ มีโอกาสจะเห็นกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ เพราะสถานการณ์โควิดตอนนี้ค่อนข้างจะรุนแรง”
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า