การพิจารณาคดีความมั่นคงแห่งชาติครั้งใหญ่ที่ใหญ่ที่สุดในฮ่องกงเริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยมีผู้ต้องหาในคดีมากถึง 47 คน ซึ่งรวมถึง โจชัว หว่อง และ เบนนี ไท สองแกนนำเรียกร้องประชาธิปไตยคนสำคัญ ที่ถูกตั้งข้อหาสมคบคิดบ่อนทำลายอำนาจรัฐ จากการจัดการเลือกตั้งขั้นต้นอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อปี 2020
รายงานข่าวระบุว่า ศาลจะดำเนินการไต่สวนจำเลยเพียง 16 คน เนื่องจากอีก 31 คนให้การรับสารภาพ ซึ่งรวมถึงโจชัว หว่อง และเบนนี ไท ทั้งนี้ ผู้ที่สารภาพผิดจะไม่ถูกตัดสินโทษจนกว่าการไต่สวนจำเลย 16 คนจะเสร็จสิ้น ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 90 วัน
นอกจากนี้ การพิจารณาคดีจะอยู่ภายใต้การดูแลของผู้พิพากษาที่ได้รับการคัดเลือกจำนวน 3 คน แทนการพิจารณาโดยคณะลูกขุน ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับคดีกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ
ขณะเดียวกันที่บริเวณด้านนอกศาลแขวงเกาลูนตะวันตก ซึ่งเป็นสถานที่พิจารณาคดี มีกลุ่มผู้สนับสนุนประชาธิปไตยจำนวนมากมารวมตัวกันพร้อมถือป้ายประท้วง เช่น “การปราบปรามเป็นเรื่องไร้ยางอาย” และ “ปล่อยตัวนักโทษการเมืองทั้งหมดเดี๋ยวนี้”
ทั้งนี้ กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติของฮ่องกงถูกวิพากษ์วิจารณ์จากบรรดาฝ่ายค้านว่า เป็นเครื่องมือที่รัฐบาลปักกิ่งใช้ในการปราบปรามผู้เห็นต่าง แต่ทางการจีนและฮ่องกงยืนยันว่า กฎหมายดังกล่าวมีความจำเป็นเพื่อควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบ
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2021 นักเคลื่อนไหว 47 คนถูกตั้งข้อหาบ่อนทำลายอำนาจรัฐ ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ด้วยการจัดการเลือกตั้งขั้นต้นอย่างไม่เป็นทางการในเดือนกรกฎาคม 2020 โดยอัยการกล่าวหาว่า กลุ่มนักเคลื่อนไหวพยายามคว้าเสียงข้างมากในสภานิติบัญญัติของฮ่องกง เนื่องจากหากพวกเขาได้รับเลือกตั้งและได้รับเสียงข้างมากก็จะขัดขวางการดำเนินงานของรัฐบาล และนำไปสู่การโค่นล้มผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกงที่แต่งตั้งจากปักกิ่ง
ข้อหา ‘บ่อนทำลาย’ เป็น 1 ใน 4 ข้อหาอาชญากรรมที่กำหนดไว้ในกฎหมายความมั่นคง และมีโทษสูงสุดคือจำคุกตลอดชีวิต
สำหรับการเลือกตั้งขั้นต้นซึ่งจัดขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2020 นั้น มีขึ้นไม่กี่วันหลังจากกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติได้รับการประกาศใช้ โดยมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกมาลงคะแนนเสียงประมาณ 6 แสนคน
หลังจากนั้นไม่นาน รัฐบาลจีนได้ออกมาประกาศให้การเลือกตั้งดังกล่าวผิดกฎหมาย และจับกุมนักกิจกรรมเรียกร้องประชาธิปไตยจำนวนมาก ซึ่งหลายคนยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำมานับตั้งแต่นั้น
ภาพ: Getty Images
อ้างอิง:
