×

ทำไมไฟไหม้อาคารในฮ่องกง จึงกลายเป็นโศกนาฏกรรมเลวร้ายที่สุดในรอบ 100 ปี

28.11.2025
  • LOADING...
ทำไมไฟไหม้อาคารใน **ฮ่องกง** จึงกลายเป็นโศกนาฏกรรมเลวร้ายที่สุดในรอบ 100 ปี

ยอดผู้เสียชีวิตเหตุการณ์ไฟไหม้อาคารในฮ่องกง พุ่งสูงถึง 94 ราย ยังไม่รวมถึงตัวเลขของผู้สูญหายอีก 300 ราย ด้านเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ยังคงเดินหน้าค้นหาผู้รอดชีวิตเข้าวันที่ 2 ขณะที่สื่อตั้งคำถามว่า อัคคีภัยที่รุนแรงในรอบ 100 ปี คือ ‘บททดสอบ’ การบริหารจัดการฮ่องกงของจีน

 

วันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ฮ่องกงเผชิญหนึ่งในเหตุอัคคีภัยรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ หลังเกิดเพลิงไหม้ Wang Fuk Court อาคารที่พักอาศัยในเขตไทโป 7 ใน 8 หลัง โดยทางการยืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิตในปัจจุบันถึง 94 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 50 รายจากตัวเลขเมื่อวานนี้ (27 พฤศจิกายน) ขณะที่ผู้สูญหายมีจำนวน 300 ราย

 

แม้เปลวเพลิงจะมอดลง แต่ยังพบควันไฟอยู่ในบางจุดจากตัวอาคาร ทำให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังคงปฏิบัติหน้าที่ และเข้าไปตรวจสอบอาคารที่พักทั้ง 7 หลัง โดย เดเร็ก เฉิน (Derek Chan) รองอธิบดีกรมบริการดับเพลิงฮ่องกงระบุว่า ปฏิบัติการนี้เป็นเรื่องจำเป็น เพื่อให้แน่ใจว่า จะไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตเพิ่มเติม

 

‘นั่งร้านไม้ไผ่’ ต้นเหตุเพลิงไหม้ใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์

 

เหตุเพลิงไหม้ Wang Fuk Court กลายเป็นโศกนาฏกรรมที่คร่าชีวิตผู้คนมากที่สุดของฮ่องกงในรอบ 77 ปี นับตั้งแต่ปี 1948 ที่เกิดเหตุไฟไหม้โกดังสินค้าและมีผู้เสียชีวิต 176 ราย ขณะที่สำนักข่าว Al Jazeera เปรียบความรุนแรงของเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า อยู่ในระดับเดียวกับเหตุไฟไหม้สนามม้า Happy Valley ปี 1918 ซึ่งเป็นหนึ่งในอัคคีภัยที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ฮ่องกงรอบ 100 ปี ที่มีผู้เสียชีวิต 614 ราย

 

ท่ามกลางเหตุสลดครั้งนี้ มีการตั้งคำถามอย่างกว้างขวางถึงสาเหตุและความหละหลวมด้านความปลอดภัยในไซต์ก่อสร้าง โดยมีรายงานจาก South China Morning Post ว่า ต้นเพลิงอาจมาจากการสูบบุหรี่ของคนงานก่อสร้างที่ขาดความระมัดระวัง แต่หนึ่งในปัจจัยที่ถูกระบุชัดว่าเร่งให้ไฟลุกลามรุนแรงอย่างผิดปกติ คือ ‘นั่งร้านไม้ไผ่’

 

ทำความเข้าใจก่อนว่า นั่งร้านไม้ไผ่คือวัสดุดั้งเดิมในการก่อสร้างของฮ่องกง ซึ่งมีลักษณะเด่น คือ ถูก เบา ตัดง่าย แข็งแรง และเหมาะกับการเคลื่อนย้ายในพื้นที่คับแคบ โดยวิธีการสร้างนั่งร้านมักใช้เทคนิค ‘แมงมุม’ คือมัดท่อนไม้เข้าด้วยกันเป็นตาราง หลังจากนั้นจึงคลุมด้วยตาข่ายเพื่อป้องกันไม่ให้วัสดุก่อสร้างหล่น

 

ซินเหยียน หวง (Xinyan Huang) รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยวิศวกรรมความปลอดภัยด้านอัคคีภัย จาก Hong Kong Polytechnic University ให้สัมภาษณ์กับ Al Jazeera ว่า นอกจากเหตุผลทางด้านความสะดวกในการขนย้าย ฮ่องกงยังยึดติดเหตุผลทางด้านวัฒนธรรม เพราะนั่งร้านไม้ไผ่คือธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมาอย่างยาวนาน หากเกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ จะกระทบต่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง เพราะผู้มีส่วนได้เสียจะต่อต้าน

 

อันที่จริง มีข้อกังวลถึงเหตุไฟไหม้ลุกลามจากนั่งร้านมาสักระยะ เพราะตั้งแต่ปี 2018-2024 ฮ่องกงมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวถึง 22 กรณี โดยหวงวิเคราะห์ว่า ฮ่องกงควรจะเปลี่ยนนั่งร้านในการก่อสร้างอาคารใหญ่ในอนาคต

 

ขณะที่ อันวาร์ โอราบี (Anwar Orabi) นักวิศวกรรมด้านความปลอดภัยจาก University of Queensland ระบุว่า แม้จะมีตัวการอื่นให้เกิดเพลิงไหม้อย่างรวดเร็ว ดังกรณี ‘หน้าต่าง’ ที่ทำจากวัสดุอย่างพอลิสไตรีน ซึ่งมีความไวต่อไฟ แต่เมื่อวิเคราะห์ลักษณะเหตุการณ์ จะเห็นได้ว่า นั่งร้านคือตัวการให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็วจนทะลุถึงอาคาร

 

“ในมุมมองของผม นั่งร้านคือเส้นทางทำให้ไฟลุกลามขึ้นด้านบนของตัวอาคาร และเป็นเชื้อเพลิงในห้องพักอาศัย ความร้อนจากไฟสามารถทำให้กระจกแตกได้ พอหน้าต่างแตก ไฟก็ลุกลามเข้าไปในห้อง และทำให้เกิดเหตุไฟไหม้พร้อมกันหลายชั้นได้” เขาอธิบาย

 

โศกนาฏกรรมไฟไหม้ คือบททดสอบการควบคุมฮ่องกงของจีน

 

Reuters วิเคราะห์ว่า โศกนาฏกรรมไฟไหม้ Wang Fuk Court คือบททดสอบการบริหารฮ่องกงของจีน เพราะแม้กระแสประชาธิปไตย และการชุมนุมประท้วงจะถูกควบคุมอย่างเข้มงวด นับตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา แต่เสียงวิจารณ์และความไม่พอใจของประชาชนอาจลุกลามไปยังรัฐบาล นอกเหนือจากบริษัทก่อสร้าง ซึ่งอาจถูกกดดันให้สอบสวนทุกอย่างอย่างโปร่งใส

 

โจวซื่อเจี๋ย (Chau Sze Kit) ประธานสหภาพแรงงานอุตสาหกรรมก่อสร้างฮ่องกง มองว่า รัฐบาลฮ่องกงต้องทบทวนระบบความปลอดภัย การบริหารจัดการของอุตสาหกรรม และบทบาทของรัฐบาลใหม่ พร้อมกับยกตัวอย่างว่า ฮ่องกงเคยมีบทเรียนจากเหตุเพลิงไหม้ในเกาลูนปี 1996 ที่มีผู้เสียชีวิต 41 คน โดยการสอบสวนครั้งนั้นนำไปสู่การออกกฎหมายความปลอดภัยของอาคาร และระเบียบด้านการรับมืออัคคีภัยใหม่

 

ขณะที่ ซอนนี โหลว (Sonny Lo) นักรัฐศาสตร์ชาวฮ่องกงให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ต้องให้ความสำคัญกับ 2 ประเด็น คือ รัฐบาลฮ่องกงจะรับมือกับโศกนาฏกรรมครั้งนี้อย่างไร และการรับรู้ของประชาชนต่อทางการฮ่องกงจะเปลี่ยนไปหรือไม่ พร้อมกับย้ำว่า รัฐบาลทำงานได้ดีด้านความมั่นคง แต่ความมั่นคงของชาติยังรวมถึงความมั่นคงของมนุษย์อีกด้วย

 

อนึ่ง สีจิ้นผิง ผู้นำสูงสุดจีน ออกมาแสดงท่าทีต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายทุ่มทรัพยากรอย่างเต็มกำลัง เพื่อดับไฟและลดการสูญเสีย ขณะที่แสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิต หรือกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบ

 

ภาพ: Tyrone Siu / Reuters

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising