Honda ประกาศยุติการผลิตรถยนต์ที่โรงงานในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาภายในปี 2025 และจะรวมสายการผลิตไปยังโรงงานในจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อรับมือกับการแข่งขันที่รุนแรงจากแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของจีนในประเทศไทย และความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น
โรงงานทั้งสองแห่งในพระนครศรีอยุธยาและปราจีนบุรีมีกำลังการผลิตรวม 2.7 แสนคันต่อปี แต่ผลิตรถยนต์ได้เพียง 1.5 แสนคันในปีที่แล้ว โดยโรงงานในพระนครศรีอยุธยาซึ่งเปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 1996 จะถูกปรับปรุงเพื่อผลิตชิ้นส่วนรถยนต์แทน
Honda ผลิตรถยนต์รุ่น Civic, Accord, CR-V, HR-V และ City ในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่มีทั้งรุ่นไฮบริดและเครื่องยนต์สันดาปภายใน นอกจากการแข่งขันจาก BYD และผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจีนรายอื่นๆ แล้ว ยอดส่งออกไปยังอินเดียที่ลดลงก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ Honda ตัดสินใจแบบนี้
โฆษกของ Honda กล่าวว่า “เราไม่เห็นการเติบโตในตลาดรถยนต์ของไทยมากเท่าที่เราคาดหวังไว้ เราจึงต้องการมุ่งเน้นไปที่รถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริด รวมถึงทำให้กระบวนการผลิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
Honda ตั้งเป้าหมายว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฟฟ้าแบบเซลล์เชื้อเพลิงจะคิดเป็น 100% ของยอดขายทั่วโลกภายในปี 2040
การผลิตรถยนต์รวมกันที่โรงงานทั้งสองแห่งของ Honda ลดลงจาก 2.28 แสนคัน ในปี 2019 เหลือไม่ถึง 1.5 แสนคันต่อปีในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา โดยยอดขายในประเทศไทยต่ำกว่า 1 แสนคันในช่วงเวลาเดียวกัน
Honda หวังว่าจะลดช่องว่างระหว่างการผลิตรถยนต์และยอดขายในประเทศไทย แม้ว่าบริษัทจะส่งออกรถยนต์จากไทยไปยังตลาดอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์อยู่แล้วก็ตาม
ในประเทศจีน Honda และ Nissan คู่แข่งจากญี่ปุ่นได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแข่งขันของแบรนด์จีนที่กำลังเติบโต ซึ่งดึงดูดผู้บริโภคด้วยรถยนต์ไฟฟ้าและปลั๊กอินไฮบริดราคาถูกที่มาพร้อมซอฟต์แวร์มากมาย
ขณะนี้ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่จะสูญเสียลูกค้าในตลาดนอกประเทศจีน เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้กับแบรนด์จีนที่กำลังเพิ่มการส่งออกรถยนต์และตั้งโรงงานในต่างประเทศ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว BYD ของจีนได้เปิดโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนมูลค่ากว่า 1.44 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5.2 หมื่นล้านบาท) จากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนที่กำลังสร้างโรงงานในประเทศไทย
ภาพ: Zhang Chang / China News Service via Getty Images
อ้างอิง: