Home Sweet Home: Rebirth ภาพยนตร์แฟนตาซี-สยองขวัญที่ดัดแปลงมาจากวิดีโอเกมฝีมือคนไทยยอดฮิตอย่าง Home Sweet Home โดยได้ Yggdrazil Group ผู้ให้กำเนิดตัวเกมต้นฉบับมารับหน้าที่อำนวยการสร้าง พร้อมด้วย Alexander Kiesl และ Steffen Hacker มานั่งแท่นผู้กำกับ นำแสดงโดยนักแสดงไทยมากฝีมืออย่าง ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ ซึ่งนี่ถือเป็นผลงานการแสดงภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องแรกของเธอ ร่วมด้วย William Moseley จากภาพยนตร์ชุด The Chronicles of Narnia, Michele Morrone จาก 365 Days (2020), อดีตวงไอดอลเกาหลีชื่อดัง Alexander Lee และ อาคิรา แฮดเดน

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อนายตำรวจหนุ่ม Jake (William Moseley) พาภรรยา ปราง (ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์) และลูกสาว ลู (อาคิรา แฮดเดน) เดินทางมาพักผ่อนและเยี่ยมครอบครัวของปรางที่เมืองไทย แต่แล้ว Mek (Michele Morrone) บุคคลปริศนาก็ปรากฏตัวขึ้นและก่อเหตุรุนแรงกลางห้างสรรพสินค้า จึงทำให้ Jake ต้องแยกกับครอบครัว

ไม่เพียงแค่นั้น หลังจากที่ Jake เข้าเผชิญหน้ากับ Mek จู่ๆ ประตูนรกก็เปิดขึ้นจนทำให้เหล่าปีศาจออกอาละวาดไปทั่วเมือง Jake จึงต้องหาทางเอาชีวิตรอดเพื่อกลับไปหาครอบครัวให้สำเร็จ โดยได้รับความช่วยเหลือจาก Chan (Alexander Lee) นักบวชหนุ่มที่ดูเหมือนจะรู้เบื้องหลังของเหตุการณ์ทั้งหมด

สำหรับใครที่เป็นคอเกมหรือชอบดูช่องยูทูบสายเกม (ผู้เขียนก็เช่นกัน) เชื่อว่าทุกคนจะต้องรู้จักชื่อของ Home Sweet Home อีกหนึ่งเกมยอดฮิตฝีมือคนไทยโดย Yggdrazil Group อย่างแน่นอน โดยเฉพาะความสยองของการต้องหนีเอาชีวิตรอดจาก เบล ผีนักศึกษาสาวที่ใช้คัตเตอร์เป็นอาวุธ หรือจะเป็นการหาทางออกจากบ้านของ ผีนางรำ อีกหนึ่งตัวละครสุดโหดที่กลายเป็นภาพจำของวิดีโอเกมชุดนี้ จนทำให้ตัวเกมประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในระดับโลก

ขณะเดียวกัน ด้วยความสำเร็จของภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากวิดีโอเกมหลายๆ เรื่องต่างได้กระแสตอบรับที่ดีจากผู้ชมทั่วโลกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็ยิ่งทำให้ข่าวคราวของภาพยนตร์ Home Sweet Home: Rebirth น่าติดตามมากขึ้นเรื่อยๆ ไปพร้อมกัน

และสิ่งแรกที่เราค้นพบหลังได้ชมภาพยนตร์คือตัวผู้กำกับและทีมสร้างไม่ได้ดัดแปลงเนื้อเรื่องมาจากตัวเกมโดยตรง แต่เป็นการหยิบยืมองค์ประกอบบางส่วนของตัวเกมมาต่อยอดเสียมากกว่า อย่างเช่น การนำตัวละครเบล, ผีเปรต, โลกนิวรณ์, และอาวุธอาคม มาเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเรื่อง แต่ก็ไม่ได้มีการกล่าวถึงตัวละครในเกมอย่างเจนหรือติมเลย ผู้เขียนจึงมองว่าผู้ชมที่อาจจะไม่รู้จักหรือไม่เคยเล่นตัวเกมต้นฉบับมาก่อนก็น่าจะสามารถตีตั๋วไปเข้าชมได้เลย

แต่ดูเหมือนว่าการเลือกตีความและนำเสนอเรื่องราวในทางนี้จะกลายเป็นข้อสังเกตสำคัญของเรื่องพอสมควร

หนึ่งในจุดเด่นสำคัญของตัวเกมต้นฉบับคือการหยิบตำนานภูตผีปีศาจของไทยและบรรยากาศสุดสยองที่ทุกคนคุ้นเคยมานำเสนอได้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ ดนตรีประกอบ ไอเทม หรือเรื่องราวความเชื่อ ไสยศาสตร์ มันจึงทำให้ตัวเกม Home Sweet Home มีมนตร์เสน่ห์เฉพาะตัวที่แตกต่างไปจากวิดีโอเกมเอาชีวิตรอดในแนวเดียวกัน

แต่สำหรับ Home Sweet Home: Rebirth แม้ว่าตัวภาพยนตร์จะมีฉากหลังเป็นเมืองไทย มีหนึ่งในนักแสดงหลักเป็นคนไทยที่ทุกคนคุ้นเคย หรือการหยิบเรื่องของนิวรณ์มาใช้ แต่ภาพยนตร์กลับขาดบรรยากาศความสยองของผีไทยที่เราคุ้นเคยและความลึกลับซับซ้อนของเรื่องที่ชวนให้เราอยากหาคำตอบเช่นเดียวกับตัวเกมต้นฉบับ

ทั้งสเกลของเรื่องที่ดูจะใหญ่โตเกินไป ขณะที่ตัวเกมต้นฉบับดำเนินเรื่องอยู่ในสถานที่ใดที่หนึ่งซึ่งมีประวัติเบื้องหลังของสถานที่แห่งนั้นรองรับ จนทำให้มันกลายเป็นอีกหนึ่งตัวละครสำคัญ หรือการปูบทบาทของผีและปีศาจในเรื่องที่ไม่ได้มีเรื่องราวที่น่าสนใจมากนักจนดูเหมือนจะเป็นเพียงฝูงซอมบี้ที่ตัวละครหลักต้องพยายามหลบหนี สิ่งเหล่านี้จึงส่งผลให้เสน่ห์ที่เป็นจุดเด่นสำคัญของตัวเกมต้นฉบับขาดหายไปไม่น้อย

อีกหนึ่งข้อสังเกตที่ส่งผลต่อภาพรวมของเรื่องเช่นกัน คือเรื่องราวของตัวละครที่ดูเรียบแบบ ไม่มีมิติที่น่าดึงดูด ทั้งด้านสามพ่อแม่ลูกอย่าง Jake, ปราง และลู ที่ภาพยนตร์นำเสนอความสัมพันธ์คร่าวๆ ให้เรารู้จักในช่วงต้นเรื่องเท่านั้น แต่พอดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ ตัวภาพยนตร์ก็ไม่ได้พาเราไปสำรวจแง่มุมของพวกเขาอย่างลงลึก และแม้ว่าตัวภาพยนตร์จะมีการใช้ปมขัดแย้งคล้ายๆ กับเรื่องราวของตัวละครติมและเจนในเวอร์ชันเกม แต่มันก็ไม่ได้ช่วยเสริมให้เนื้อเรื่องของฉบับภาพยนตร์ดูน่าสนใจขึ้นเท่าไรนัก

หรือจะเป็นฝั่งของ Chan นักบวชหนุ่มที่ดูเหมือนจะถูกวางบทบาทเป็น ‘ผู้ให้ข้อมูล’ มากกว่าจะเป็นตัวละครสำคัญที่เข้ามาช่วยเสริมให้เนื้อเรื่องดูน่าติดตามมากขึ้น ไปจนถึงฝั่งตัวร้ายผู้อยู่เบื้องหลังที่ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกถึงความน่ากลัวหรืออันตรายของพวกเขาเลย

พอเรื่องราวของตัวละครหลักที่เรียบแบนและบรรยากาศภายในเรื่องที่ขาดเสน่ห์ มันจึงยิ่งทำให้เนื้อเรื่องหลักที่พูดถึงการเอาชีวิตรอดฝ่าดงปีศาจเพื่อปกป้องครอบครัวของ Jake และการเดินทางมาเพื่อหยุดยั้งวิกฤตของ Chan กลับไม่น่าสนใจและไม่ชวนให้เราอยากเอาใจช่วยตัวละครเหล่านี้ โดยเฉพาะเมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงบทสรุป (รวมถึงฉากท้ายเครดิต) มันก็ไม่ได้สร้างอิมแพ็คให้กับเราอย่างที่ผู้สร้างอยากให้เป็น

จุดเด่นเพียงอย่างเดียวที่พอจะสร้างความลุ้นระทึกให้เราได้จริงๆ เห็นจะเป็นฉากการหาทางหนีออกจากห้างสรรพสินค้าของสามตัวละครหลักในช่วงต้นเรื่อง ทั้งเหตุการณ์ที่ Jake ต้องพยายามหลบซ่อนจากการตามล่าของผีเบล หรือฉากแอ็กชันเข้มๆ ของปรางที่ต้องปกป้องลูกจากผู้คนที่ถูกปีศาจเข้าสิง ซึ่งทีมสร้างนำเสนอฉากดังกล่าวได้อย่างน่าติดตาม รวมถึงฉากเผชิญหน้ากันตัวต่อตัวระหว่าง Jake และ Mek ในช่วงท้ายเรื่องเองก็ถูกออกแบบมาได้ดูสนุกเช่นกัน (แต่ก็น่าเสียดายที่พอตัวภาพยนตร์ดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ ความลุ้นระทึกเหล่านี้ก็ค่อยๆ ลดน้อยลง)

ดังนั้นแล้วสำหรับผู้เขียน หากแบ่งภาพยนตร์ Home Sweet Home: Rebirth ออกเป็นส่วนๆ เราก็พอจะบอกได้ว่ามีฉากไหนที่เราชอบบ้าง แต่หากมองในภาพรวมทั้งหมดแล้ว เราคิดว่าตัวภาพยนตร์ค่อนข้างจะมีข้อสังเกตที่ทำให้เราเอียงไปทางเสียดายมากกว่าชอบอยู่พอสมควร

Home Sweet Home: Rebirth มีกำหนดเข้าฉาย 8 พฤษภาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

รับชมตัวอย่างได้ที่:

ภาพ: Home Sweet Home : Game