3 ปี กับการประชุมทั้งทางการและไม่เป็นทางการมากกว่า 20 ครั้ง จนนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้า คสช. ต้องใช้ ม.44 ขจัดปัญหาติดขัดทางกฎหมายเปิดทางให้วิศวกรจีนสามารถเข้ามาดำเนินโครงการในประเทศไทยได้ ในที่สุดวันนี้ (21 ธ.ค.) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการวางศิลาฤกษ์และทำการปักหมุดโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน บริเวณมอหลักหิน ระหว่างสถานีกลางดง-ปางอโศก อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
ซึ่งถือเป็นการก่อสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงสายแรกของประเทศ โดยกระทรวงคมนาคมจะจัดพิธีเริ่มการก่อสร้างโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานครถึงหนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานครถึงนครราชสีมา) อย่างเป็นทางการ
สำหรับระยะที่ 1 เส้นทางกรุงเทพฯ ถึงนครราชสีมา ระยะทางรวม 252 กิโลเมตร วงเงิน 1.79 แสนล้านบาท แบ่งการก่อสร้างเป็น 4 ตอน
ตอนที่ 1 ช่วงกลางดง-ปางอโศก อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 3.5 กิโลเมตร
ตอนที่ 2 ช่วงปากช่อง-คลองขนานจิตร 11 กิโลเมตร
ตอนที่ 3 ช่วงแก่งคอย-นครราชสีมา 119.5 กิโลเมตร
และตอนที่ 4 ช่วงแก่งคอย-บางซื่อ 119 กิโลเมตร
สำหรับการก่อสร้างระยะแรกช่วงกลางดง-ปางอโศก มีระยะเวลาก่อสร้าง 6 เดือน ดำเนินการก่อสร้างโดยกรมทางหลวง ส่วนเส้นทางที่เหลือ การรถไฟฯ จะดำเนินการจัดจ้างด้วยการประกวดราคาตาม พ.ร.บ. การจัดซื้อจัดจ้างปี 2560
ขณะที่ฝ่ายจีนจะรับผิดชอบการออกแบบทางรถไฟ การควบคุมงานก่อสร้าง การจัดหาขบวนรถไฟ ระบบสัญญาณ คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จสิ้นตามแผนในอีก 5 ปีข้างหน้า
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ดีใจและยินดี เป็นเกียรติที่ได้มาพบทุกท่านในวันประวัติศาสตร์ของรถไฟไทย ขอขอบคุณคำกล่าวของนายหลี่เค่อเฉียง และความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทย-จีน และยืนยันว่าจะทำให้จบในเส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคาย รัฐบาลนี้สนับสนุนการเชื่อมโยงทุกภูมิภาคเพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงในทุกมิติ โดยเฉพาะเรื่องการค้าการลงทุน และความสัมพันธ์ในทุกมิติ เราพูดถึงการเชื่อมโยงระบบทางรถไฟไปยังลาว พร้อมเป็นศูนย์กลางการขนส่ง โดยเราจะไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง โดยเฉพาะอีก 20 จังหวัดของประเทศที่ยังมีรายได้น้อย ซึ่งต้องทำให้ทุกคนมีความเป็นอยู่ดี การลงทุนแม้จะต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก แต่อย่าคิดถึงรายได้เฉพาะผู้ที่มาใช้บริการหรือที่เรียกว่าผลกำไรเพียงอย่างเดียว แต่มีผลประโยชน์อย่างอื่นที่ตามมาจำนวนมาก โดยเฉพาะจะเกิดธุรกิจตลอดเส้นทาง เป็นการเพิ่มและกระจายรายได้ ซึ่งรัฐบาลจะพยายามเร่งรัดทุกๆ อย่าง และจำเป็นต้องปฏิรูปกฎหมายและกติกาบางอย่าง เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก ขออย่ามองเป็นเรื่องอื่น ทุกอย่างที่ทำเพื่อผลประโยชน์ของชาติ
“ทุกอย่างต้องมีเริ่มต้น ไม่ได้เสร็จในวันเดียว ทุกหน่วยงานจึงต้องช่วยกันให้เกิดความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และการลงทุนไม่ได้ดูแค่คนขึ้นรถไฟ แต่ผลประโยชน์โดยอ้อมเกิดตลาดแหล่งการค้าระหว่างทางรถไฟ ซึ่งจะช่วยให้การเดินทางสะดวกขึ้นปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เสริมกับการเดินทางทางอากาศ สิ่งที่สำคัญที่เกิดขึ้นในโลกวันนี้คือ กายภาพการเชื่อมโยงที่จะเกิดขึ้น” พล.อ. ประยุทธ์ กล่าว