ถึงแม้ว่าสถานการณ์ผลประกอบการของอุตสาหกรรมแฟชั่นจะซบเซาตามเศรษฐกิจโลก แต่สำหรับ Hermès กลับสวนทาง เห็นได้จากรายได้รวมประจำปี 2024 ที่กระโดดเพิ่มขึ้นถึง 15% ตามอัตราการแลกเปลี่ยนแบบคงที่เมื่อเทียบกับปี 2023
โดยตลอด 12 เดือนที่ผ่านมาแบรนด์แฟชั่นสุดลักชัวรีจากฝรั่งเศสทำรายได้ไปทั้งหมด 15,200 ล้านยูโร หรือราว 537,750 ล้านบาท ซึ่งหักลบค่าใช้จ่ายแล้ว นับเป็นผลกำไรทั้งหมด 6,200 ล้านยูโร หรือราว 219,000 ล้านบาท
ซึ่งหมวดสินค้าที่นำรายได้เข้าสู่บริษัทมากที่สุด ยังคงเป็นเครื่องหนังและอานม้าที่เพิ่มขึ้น 18% และเป็นผลมาจากการที่ Hermès เริ่มขยายกำลังการผลิตและสร้างโรงงานต่างๆ ในฝรั่งเศส ตามมาด้วยหมวดหมู่อื่นๆ ที่ประกอบไปด้วยเครื่องประดับและสินค้าแต่งบ้านที่เพิ่มขึ้น 17% และหมวดหมู่สินค้าเสื้อผ้า Ready-to-Wear และแอ็กเซสซอรีที่เพิ่มขึ้น 15% และมีเพียงหมวดหมู่เดียวคือนาฬิกาที่ผลตอบรับลดลงจากปีก่อน 4%
และหากจำแนกตามภูมิภาค ก็พบว่ามีการเติบโตทุกพื้นที่ ประเทศญี่ปุ่นยังคงเป็นตลาดสำคัญของแบรนด์ที่เพิ่มขึ้นถึง 23% ผลมาจากการเปิดร้านสาขา Ginza และ Azabudai ตามมาด้วยยุโรป 19%, ทวีปอเมริกา 15% และฝรั่งเศส 13% และเอเชียของเราที่เพิ่มขึ้นเพียง 7% ผลมาจากตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ที่ซบเซา ถึงแม้จะเร่งเปิดร้านสาขาสำคัญถึง 3 สาขาก็ตาม
Axel Dumas ซีอีโอของ Hermès กล่าวในเอกสารรายงานว่า “ในปี 2024 ที่ผ่านมา ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองสังคม เรายังคงรักษาผลประกอบการของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี ผมอยากจะขอบคุณทีมงานอย่างสุดซึ้ง แบรนด์ของเราสามารถรักษาทิศทาง และยึดมั่นในรากฐานของงานฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ได้เป็นอย่างดี”
ภาพ: Hermès