ในช่วงเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา เราจะเห็นได้ว่าหลายแบรนด์ลักชัวรีชั้นนำในประเทศไทยต่างได้ลงทุนเสริมทัพและโฟกัสด้านการให้บริการผ่านรูปแบบออนไลน์มากยิ่งขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ซื้อที่ได้เปลี่ยนไปเนื่องจากสถานการณ์โลก ณ ปัจจุบัน โดยล่าสุดแบรนด์กล่องส้มโลโก้รถม้าขวัญใจของหลายๆ คนอย่าง Hermès ก็ได้ยกระดับด้านกิจกรรมออนไลน์ของตัวเองในประเทศไทย เปิดตัวเว็บไซต์ E-Commerce เป็นของของตัวเองเป็นครั้งแรก ซึ่งนับว่าจะเป็นการเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายยิ่งขึ้นหลายเท่าตัว และมอบบริการแบบ Omni-Channel เชื่อมโยงไปยังหน้าร้านแบบไร้รอยต่อได้อย่างสมบูรณ์แบบ
โดยต่อไปลูกค้าของ Hermès จะสามารถเข้าไปในเว็บไซต์ www.hermes.com/th ของประเทศไทยโดยเฉพาะ เพื่อไปดูราคาสินค้าในหลากหลายหมวดได้อย่างเพลิดเพลิน ตั้งแต่เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ ของแต่งบ้าน เครื่องสำอาง จนถึงอานม้า ซึ่งเป็นสินค้าตามรากฐานจุดเริ่มต้นของแบรนด์ โดยถ้าใครสนใจอยากเป็นเจ้าของก็สามารถใช้บริการ Web to Shop สั่งซื้อและให้จัดส่งไปที่บ้าน หรือเลือกรับได้ที่ร้าน Hermès ทุกสาขาในประเทศไทย (เซ็นทรัล เอ็มบาสซี, ไอคอนสยาม สยามพารากอน และภูเก็ต) พร้อมได้รับบริการแบบพรีเมียมเซอร์วิสของทางแบรนด์ในแต่ละร้าน
สำหรับทุกสินค้าบนเว็บไซต์ E-Commerce จะมีราคาเทียบเท่ากับราคาสินค้าหน้าร้าน โดยจะใช้เวลาจัดส่ง 2-5 วันทำการ โดยไม่คิดค่าบริการจัดส่งเพิ่มเติมอะไรทั้งสิ้น ซึ่งลูกค้าคนไหนที่อยากรับสินค้าด้วยตัวเองที่ร้านของ Hermès ทางแบรนด์ก็จะเก็บสินค้าให้ที่ร้านเป็นระยะเวลา 21 วัน ส่วนใครที่อยากซื้อสินค้าเป็นของขวัญให้คนอื่น บนเว็บไซต์ก็มีบริการให้ทางแบรนด์เขียนข้อความบนการ์ดที่จะแนบไปกับตัวสินค้าในกล่อง
นอกเหนือจากนี้ สินค้าทุกชิ้นที่มีการสั่งผ่านเว็บไซต์จะสามารถคืนหรือเปลี่ยนได้ภายใน 30 วัน โดยไม่ต้องเสียค่าบริการ โดยมีเงื่อนไขว่าสินค้าต้องอยู่ในสภาพเดิมพร้อมมีตัวกล่องสีส้ม ใบเสร็จตัวจริง และห้ามตัดแท็ก NFC ที่ติดมากับสินค้า ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกให้ทาง DHL มารับสินค้าที่บ้านหรือไปส่งที่เคาน์เตอร์ DHL แต่หากลูกค้าเลือกไปที่ร้าน Hermès เอง ก็สามารถไปเปลี่ยนสินค้าได้ แต่ทางแบรนด์จะไม่มีบริการคืนเงินให้ที่ร้าน
การเปิดเว็บไซต์ E-Commerce ของ Hermès ในประเทศไทย ถือว่าเป็นหมากสำคัญของแบรนด์ เพราะสถานการณ์โควิด-19 ก็ทำให้เห็นแล้วว่าแบรนด์จะยังคงยึดติดการขายสินค้าผ่านร้านค้าอย่างเดียวไม่ได้อีกต่อไป บวกกับลูกค้าหลายคนก็ยังมีความเกรงกลัวที่จะเดินทางไปร้านด้วยตัวเอง และรู้สึกสบายใจที่จะสั่งสินค้ามาที่บ้านโดยตรง มากไปกว่านั้น สำหรับนักสะสม Hermès เอง การมีแพลตฟอร์ม E-Commerce ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่จะสามารถซื้อสินค้ารุ่นใหม่ๆ ได้เร็วทันใจแบบไม่ต้องไปแย่งใครอย่างเช่น Apple Watch เวอร์ชันล่าสุด หรือสินค้าตัวคลาสสิก เช่น รองเท้าแตะรุ่น Izmir ที่ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปถึงร้านเพื่อดูว่ามีสีที่ตัวเองอยากได้ไหม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- รู้จัก ‘MercadoLibre’ หรือแพลตฟอร์ม MELI อีคอมเมิร์ซครบวงจรเบอร์ 1 ในแถบลาตินอเมริกา เจ้าของฉายา ‘Amazon’ แห่งทวีปอเมริกาใต้
- Louis Vuitton เป็นแบรนด์ลักชัวรีเจ้าแรกในประเทศไทย ที่เปิดเว็บไซต์ช้อปปิ้ง E-Commerce ของตัวเอง
- ยังไม่หมดหวังกับแดนมังกร! ‘เถ้าแก่น้อย’ ตั้งตัวแทนจำหน่ายเพิ่ม 1 ราย บุก Traditional Trade และ E-Commerce เล็งเพิ่มสินค้าเข้าไปขายอีก 10 รายการ
ภาพ: Hermès
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล