Hellbound เป็นซีรีส์ที่ไม่ได้ดูเอาความสนุกสักเท่าไร เพราะแม้ว่า 3 อีพีแรกจะเป็นการเปิดตัวอย่างดุเดือด เต็มไปด้วยฉากเลือด ความตาย และความบาป แต่กับ 3 อีพีหลังกลับเต็มไปด้วยการถกเถียงทางความคิดในระหว่างตัวละครต่างๆ ที่รายล้อมอยู่ในเรื่องราว ไม่ต่างอะไรกับสภาพสังคมในชีวิตจริงที่ต่างรับบทบาทแตกต่างกันไป ทั้งผู้นำ ผู้สร้าง ผู้ตาม และผู้มีหน้าที่ตัดสินถูกผิด
ดังนั้นสำหรับผู้เขียนแล้ว Hellbound เป็นซีรีส์ที่ยิ่งดูยิ่งต้องย้อนกลับมาพูดคุยกับตัวเองว่าจริงๆ แล้วเรากำลังอยู่ในสังคมที่ประกอบสร้างความเชื่อต่างๆ มากมาย เพื่อให้เรากลัวในบางสิ่งบางอย่าง และไม่กล้าจะก้าวเท้าออกจากการถูกกักกันหรือเปล่า
“วันนั้นที่เหมือนวันธรรมดาวันหนึ่ง” เป็นประโยคเริ่มต้นของซีรีส์ Hellbound EP.1 ที่ฉายภาพปกติธรรมดาโลก ผู้คนนั่งคุยกันในร้านกาแฟ ชี้ชวนกันดูคลิปวิดีโอที่กำลังไวรัล ว่าด้วยผู้นำทางความคิดแปลกประหลาดว่ามนุษย์โลกกำลังถูกพิพากษาจากพระเจ้า ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ต่างจากหน้าข่าวทุกวันนี้ที่เต็มไปด้วยลัทธิความเชื่อมากมาย ทั้งคนทรงเจ้า ผู้สื่อวิญญาณ เทพพยากรณ์ รวมถึงสิบแปดมงกุฎที่ยกเอาความเชื่อเหล่านี้มาใช้เป็นเครื่องมือหากิน
เพียงแต่ว่า “วันนั้นที่เหมือนวันธรรมดาวันหนึ่ง” ในซีรีส์ Hellbound กลับสร้างแรงกระเพื่อมยักษ์ใหญ่ และทำให้โลกเปลี่ยนไปทันที เมื่อเกิดเหตุการณ์ประหลาด กลุ่มสัตว์ประหลาด 3 ตน เข้ามาทำร้ายผู้ชายคนหนึ่ง และเผาไหม้เขาเหลือเพียงเถ้าถ่านท่ามกลางผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งเมือง
วันที่ความเชื่อทั้งหมดสั่นคลอนอย่างหนัก และกลุ่มสัจธรรมใหม่ก็อ้างตนขึ้นมาบอกว่าเหตุการณ์นี้คือการพิพากษาของพระเจ้า เพื่อให้ “พวกเจ้าต้องเป็นคนที่เที่ยงธรรมกว่านี้” และจากนั้นสังคมก็ร่วมกันขุดคุ้ยว่า ‘บาป’ ของชายผู้เสียชีวิตคืออะไร ทำไมเขาจึงโดนพิพากษาจากพระเจ้าจนทูตนรกมาลงทัณฑ์
*บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของซีรีส์*
Deacon Yuji
ยินดีต้อนรับสู่โลกใบใหม่
“ผมอยากต้อนรับพวกคุณเข้าสู่โลกใบใหม่” ประธานจองจินซู มักจะกล่าวถึง ‘โลกใบใหม่’ อยู่เสมอ นั่นคือโลกที่ไร้คนเปื้อนบาป โลกที่ทุกคนใช้ชีวิตอย่างเที่ยงธรรม เพื่อจะได้ไม่ต้องรับคำพิพากษาจากทูตนรก
แต่นั่นคือสิ่งที่ ‘ถูกต้อง’ จริงหรือ?
ประธานจองจินซูคือชายหนุ่มธรรมดาคนหนึ่ง เขาเริ่มต้นจากการค้นหาความหมายของชีวิต จนได้พบเหตุการณ์ที่มีสิ่งแปลกประหลาดมารุมทำร้ายและเอาชีวิตชีวิตหนึ่งไปต่อหน้าต่อตา ในตอนนั้นเขาคล้ายตื่นจากการหลับฝัน และได้มองเห็นความหมายของชีวิตเป็นครั้งแรก นั่นคือคำพิพากษาที่จะทำให้มนุษย์บนโลกใช้ชีวิตอย่างเที่ยงธรรม ไร้ซึ่งบาปแปดเปื้อน
ในปี 2012 กลุ่มสัจธรรมใหม่จึงเริ่มก่อตั้งขึ้น และในปี 2022 ตามเหตุการณ์ปัจจุบันในซีรีส์ Hellbound ประธานจินซูจึงกลายเป็นผู้นำทางความคิดคนสำคัญของสังคมหลังเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น แม้ว่าในช่วงต้น ทั้งตำรวจ ทนายความ และผู้คนอีกมากมาย จะยังไม่ปักใจเชื่อว่านี้คือการจัดฉากทางศาสนา เรื่องเหนือธรรมชาติ หรือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงก็ตาม
การแพร่กระจายความเชื่อของกลุ่มสัจธรรมใหม่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยการใช้โซเชียลมีเดีย และกลุ่มสัจธรรมใหม่ใช้คลิปวิดีโอเป็นช่องทางเผยแพร่แนวความคิดอย่างชาญฉลาด มาพร้อมภาพลักษณ์ของประธานจินซูที่ดูเงียบขรึม ใช้ชีวิตอย่างสมถะ ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่พักก็เป็นโกชีวอนหรือหอพักเล็กๆ ในโซล ในไม่ช้าประธานจินซูจึงกลายเป็นเหมือนตัวแทน ผู้แทนของพระเจ้า เป็นความเชื่อใหม่ที่สังคมให้การยอมรับ
ดังนั้นตอนที่ตำรวจเดินทางมาสอบข้อมูลเพิ่มเติม จองจินซู จึงถามกลับไปว่า “ตำรวจสืบสวนการกระทำของพระเจ้าด้วยหรือ”
ใครมีอำนาจในการพิพากษา, ระบบกฎหมายที่มนุษย์สร้าง เที่ยงธรรมจริงหรือ?
ซีรีส์ Hellbound คล้ายๆ ภาพจำลองสังคมจริง เพราะขณะที่ลัทธิความเชื่อหนึ่งก่อกำเนิดและได้รับการยอมรับจนเป็นความเชื่อหลักของสังคม ก็ยังมีอีกความเชื่อหนึ่งที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเป็นไป
ชินคยองฮุน ตำรวจสายสืบที่รับผิดชอบคดีฆาตกรรมกลางเมือง ที่แม้จะมีหลักฐานให้เห็นชัดเจนว่านี่คือปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ ขนาดว่าศพที่พบเป็นเถ้าถ่านก็กลายเป็นวัตถุไร้ชีวิตไม่สามารถตรวจหา DNA ได้ แต่ด้วยหน้าที่ เขาก็ยังต้องตามสืบคดีต่อไปว่าใครกันแน่คือฆาตกร โดยยกเอาความคิดว่าคนบาปถูกนรกลงทัณฑ์ออกไปเสีย
หลังจากคดีเดิมยังไม่จบ ก็เกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันตามมา จนมีการถ่ายทอดสดการสาธิต สร้างความสั่นคลอนในความเชื่อมั่นที่มีต่อระบบยุติธรรมที่มนุษย์สร้างขึ้น เพราะการพิพากษาของพระเจ้านั้นเห็นผลทันตากว่า ในฉากหนึ่งเราจะได้เห็นว่ากระทั่งเป็นตำรวจสายสืบที่ยั่วล้อความเชื่อของกลุ่มสัจธรรมใหม่ เขาก็เกือบเอาตัวไม่รอดจากมือเท้าของฝูงชนที่ยึดมั่นในคำสอนของจินซู
มินฮเยจิน ทนายความจากสำนักงานกฎหมายโซโด ก็เป็นอีกคนที่ยืดหยัดอยู่ตรงข้ามกับกลุ่มสัจธรรมใหม่ เธอมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติก็จริง แต่ระบบยุติธรรมยังคงเป็นสิ่งที่เธอยึดถือและเชื่อมั่นตลอดมา ซึ่งชะตากรรมของฮเยจินในเรื่องจึงแสดงให้เห็นว่าคนที่ ‘ไม่เชื่อ’ ในสิ่งที่สังคมส่วนใหญ่ยึดถือจะต้องพบจุดจบที่โหดร้าย
แบยองแจ โปรดิวเซอร์รายการโทรทัศน์ เป็นคนที่ไม่เชื่อในเรื่องที่เกิดขึ้นและกำลังเป็นไปในสังคม แม้ว่าเขาจะต้องทำสารคดีเกี่ยวกับกลุ่มสัจธรรมใหม่ แต่นั่นก็เป็นเพียงหน้าที่ ไม่ใช่สรณะในชีวิต จนเกิดเหตุการณ์ว่าสมาชิกในครอบครัวได้รับประกาศิต ยองแจจึงเดินหน้าทำทุกอย่างเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะทำได้ เพื่อเรียกคืนความถูกต้องให้กับครอบครัวของเขา
กลุ่มวีไอพีที่ปรากฏตัวอยู่หลายช่วงในซีรีส์ Hellbound ก็เป็นรายละเอียดน่าสนใจมาก พวกเขาเป็นกลุ่มผู้มีฐานะร่ำรวยที่เสพสุขบนความทุกข์ยากของผู้อื่น เราจะได้เห็นพวกเขาจ่ายเงินมหาศาลมานั่งชมการพิพากษาอย่างใกล้ชิด ภายใต้หน้ากากสีขาวนั้นอาจเป็นคนดังที่เราต่างรู้จักกันดีก็ได้
การที่ซีรีส์ใส่รายละเอียดเกี่ยวกับวีไอพีเหล่านี้เข้ามาโดยไม่ได้เจาะลึกไปถึงเรื่องราว ก็คงเหมือนกับสังคมทุกวันนี้ที่เหล่าชนชั้นนำของสังคมเป็นผู้เฝ้าดูสิ่งที่เกิดขึ้น การดิ้นรนเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมของคนหาเช้ากินค่ำ คนที่ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด และการมีชีวิตต่อไป
Jung Jinsu
Jin Kyunghun
Hellbound อาจกำลังโยนคำถามให้เราคนดูว่าจริงๆ แล้วเรายังคงเชื่อถือในระบบยุติธรรมของสังคมหรือไม่ ถ้าหากระบบยุติธรรมนั้นผิดต่อบรรทัดฐานของคุณค่า เราจะทำอย่างไร?
แนวทางการปฏิบัติของคนในสังคมใครเป็นคนกำหนด? และถ้าคนกำหนดใช้สิ่งนี้เป็นช่องทางการกุมอำนาจ เป็นกรอบบังคับให้เกิดความถูกผิดในแบบที่คนกำหนดต้องการล่ะ หรือจริงๆ แล้วเราอยู่ในสังคมที่ถูกกำหนดบรรทัดฐานเอาไว้เบ็ดเสร็จ และเราไม่ได้มีอิสระในการเชื่อหรือไม่เชื่อ?
พระเจ้ามีจริงไหม? มนุษย์ทำบาปเพราะอะไร เพราะสภาพแวดล้อมที่แร้นแค้น สภาพสังคมที่บีบคั้น หรือเป็นการทำบาปโดยอ้างว่าเพื่อการอยู่รอด?
หรือสุดท้ายจะเป็นอย่างที่จินซูพูดเอาไว้ “บาปดำรงอยู่เพราะมนุษย์อยากก่อบาป” ต่างหาก
อ่านต่อ:
