×

รวมลิสต์ซีรีส์เกาหลีเสียน้ำตาแบบใจฟูที่อยากชวนมาดูกัน

09.02.2022
  • LOADING...

ซีรีส์เกาหลีต้องยอมรับว่ามีเอกลักษณ์ในทางอารมณ์ที่เข้าถึงหัวจิตหัวใจคนดู จนหลายๆ เรื่องต้องเสียน้ำตาด้วยความรู้สึกอิ่มเอมในหัวใจ เราจึงลองจัดลิสต์ซีรีส์น้ำดีมีน้ำตามาจากซีรีส์ส่วนหนึ่งที่เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยดู หรือกำลังคิดว่าจะหาอะไรดูช่วงหยุดยาวเดือนแห่งความรัก

 

เพราะไม่แน่ว่าเรื่องราวความรักจากซีรีส์ต่อไปนี้ อาจทำให้คุณร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกปลดปล่อย และเยียวยาหัวใจได้ไม่ต่างกัน

 

ซีรีส์เกาหลี

 

Our Beloved Summer (2021)

นำแสดง: ชเวอูชิก, คิมดามี, คิมซองชอล

ออกอากาศ: SBS, Netflix

 

วัยรุ่นคือฤดูร้อนของชีวิตที่เราต่างเคยทำผิด ทำพลาด และถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เราอยากจะแก้ไขอะไรสักอย่างไหม?

 

Our Beloved Summer เป็นซีรีส์ที่เปลือกนอกคือโรแมนติกคอเมดี้ แต่โดยเนื้อแท้เป็นซีรีส์ Coming of Age ที่ตัวละครต้องผ่านพ้นจึงค้นพบ โดยเป็นการตัดสลับช่วงเวลาระหว่างวัย 19 และ 29 ปี เมื่อคู่รักในวัยรุ่นเลิกรากันไปและได้กลับมาพบกันอีกครั้ง

 

ฉากเรียกน้ำตามีกระจัดกระจายอยู่ทั่วทั้งเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องความรัก ที่เป็นจุดสำคัญของซีรีส์ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนที่แสนโดดเดี่ยวบนโลกที่กำลังหมุนเร็ว รวมถึงการตามหาความฝัน และประเด็นที่ใหญ่กว่านั้นคือเรื่องของครอบครัว 

 

อีพีท้ายๆ เชื่อว่าคนใจแกร่งก็ยังหวิวๆ ส่วนคนทั่วไปต้องมีซับหัวตาหรือปล่อยโฮออกมา เพราะนอกเหนือเรื่องความรักของหนุ่มสาว เรื่องราวใน Our Beloved Summer ทาบทับกับประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาของเรา ไม่ในทางใดก็ทางหนึ่ง 

 

“คนเราต่างมีความทรงจำที่ไม่อาจลืมเลือนในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต และเราต่างก็มีความทรงจำนั้นช่วยให้เราใช้ชีวิตต่อไปได้” 

– ชเวอุง, Our Beloved Summer

 

 

It’s Okay, That’s Love (2014)

นำแสดง: โจอินซอง, กงฮโยจิน, โดคยองซู

ออกอากาศ: SBS, Viu, Netflix, WeTV, iQiYi

 

ความรักทำให้บาดแผลในใจเบาบางลงได้จริงหรือ?

 

It’s Okay, That’s Love ซีรีส์ที่เปิดมาให้เราได้ทำความรู้จักกับ จางแจยอล ผู้ชายที่ดูเหมือนว่าจะสมบูรณ์แบบ หน้าตาดี ฐานะดี การงานก็เย้ายวนด้วยการเป็นนักเขียนและดีเจหนุ่มที่มีแฟนคลับระดับต้นๆ ของวงการ ช่วงแรกๆ เราอาจได้เห็นเขาในแบบที่ดูหลงตัวเองนิดๆ จนแอบหมั่นไส้นักเขียนคนนี้ กว่าที่เรื่องราวจะค่อยๆ เปิดเผยปมบาดแผลในชีวิตวัยเด็กที่ส่งผลต่อสภาพจิตใจของเขาในปัจจุบัน 

 

ขณะเดียวกัน จีแฮซู เป็นจิตแพทย์ที่กำลังเรียนต่อเฉพาะทางโรงพยาบาลประจำมหาวิทยาลัย เมื่อได้พบกับจางแจยอล ชีวิตเธอก็เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ ยิ่งใช้เวลาในการเรียนรู้ ก็ได้พบว่าถ้ามองทะลุเปลือกแสนเย่อหยิ่งของเขาไปแล้ว จางแจยอลก็เป็นเพียงผู้ชายน่าเศร้าคนหนึ่ง ที่ทั้งคู่ต่างต้องช่วยเยียวยาซึ่งกันและกัน

 

สิ่งที่น่าสนใจของเรื่องนี้คือการถ่ายทอดความไม่สมบูรณ์แบบที่เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ทุกคน (หรืออาจจะบอกว่ามนุษย์ทุกคนไม่มีใครสมบูรณ์แบบ) เปลือกนอกที่เห็นอาจไม่ใช่อย่างที่คิด และการมีบาดแผลทางใจไม่ใช่เรื่องผิดบาป บางทีแผลเหล่านั้นมันไม่ได้อยากจะฝังอยู่ติดตัวนานนัก แต่อาจจะเป็นตัวเราเองต่างหากที่ไม่ยอมปล่อยมันไป

 

“ผมเชื่อว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมทำได้เพื่อใครคนหนึ่งที่ผมรัก ก็คือการไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมสิ้นหวังในตัวเขา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม” 

– จางแจยอล, It’s Okay, That’s Love

 

 

Reply 1988 (2015)

นำแสดง: ฮเยริ, รยูจุนยอล, โกคยองโพ, พัคโบกอม, อีดงฮวี

ออกอากาศ: tvN, Netflix, Viu, WeTV, iQiYi

 

Reply 1988 ซีรีส์ที่ให้เราได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของครอบครัวและคนรอบข้าง ผ่านชีวิตของผู้คนในตรอกซังมุนดง

 

ซีรีส์เรื่องนี้นับว่าเป็น เดอะ คลาสสิก สำหรับซีรีส์เกาหลีไปแล้ว ด้วยความที่เกี่ยวข้องทั้งเรื่องความรักวัยรุ่น การย้อนไปยุค 80 กับความทรงจำเก่าๆ ที่ยังคิดถึง ครอบครัวในชุมชนแบบดั้งเดิมที่สนิทสนมกันเป็นอย่างดี ไปจนถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมเกาหลีในยุค 80 ที่สะท้อนชัดเจนว่า ครอบครัวคือพื้นฐานของสังคมที่ดีที่สุดอย่างที่เราเรียนกันมา

 

เพราะนอกจากเรื่องรักและความสนิทสนมของกลุ่มเพื่อนวัยเดียวกันในตรอกซังมุนดง ครอบครัวของพวกเขาที่อาจไม่ได้สมบูรณ์แบบ ขัดสนบ้าง พอมีพอใช้บ้าง แต่ก็จุนเจือเกื้อหนุนกันอย่างไว้ใจซึ่งกันและกัน รวมไปถึงความรักของครอบครัวที่มีให้กัน แม้จะเคยทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง เคยโกรธ ผิดหวังกันบ้าง แต่ทั้งมวล ความรักเป็นสิ่งที่พวกเขามีให้แก่กัน อย่างเช่นฉากเรียกน้ำตาที่แม่ของโบราไปช่วยขวางลูกสาวขณะที่จะโดนจับกุมจากการไปร่วมประท้วง เป็นต้น

 

คุณอาจจะไม่ได้เสียน้ำตาให้กับหนุ่มสาว แต่จะพังทลายจากเรื่องราวในครอบครัวของพวกเขา ที่เมื่อเปิดเผยเรื่องราวและบาดแผลออกมาแล้ว เราจะพบว่าต่อให้เกิดอะไรขึ้น พวกเขาจะอยู่ข้างๆ กันและกันเอาไว้

 

“บางครั้งครอบครัวอาจทำให้เรามีบาดแผล แต่คนที่คอยอยู่ข้างเราจนวันสุดท้าย ก็มีเพียงครอบครัว”

– ด็อกซอน, Reply 1988

 

 

 

When the Camellia Blooms (2019)

นำแสดง: กงฮโยจิน, คังฮานึล, คิมคังฮุน

ออกอากาศ: KBS2, Netflix

 

ไม่ใช่ว่าดอกไม้ทุกอย่างจะเบ่งบานในฤดูใบไม้ผลิ บางชนิดอาจจะต้องใช้เวลารอคอยจนฤดูหนาวมาถึงจึงพร้อมที่จะผลิบาน เช่นเดียวกับคามิลเลีย ดอกไม้ที่มักจะบานในฤดูหนาว

 

คามิลเลียในภาษาเกาหลีเรียกว่า ทงแบค ซึ่งเป็นชื่อของตัวละครหลักในเรื่อง ซีรีส์ When the Camellia Blooms ก็คงต้องการที่จะบอกผู้ชมแบบนั้น เพราะเนื้อหาว่าด้วยชีวิตของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวยังสาวที่ก้าวเท้าเข้ามาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเมืององซาน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย และเป็นเหมือนดอกไม้บอบบางที่ต้องเบ่งบานในฤดูที่อากาศแสนหนาวเหน็บ

 

ด้วยความเป็นเมืองชนบทที่มีผู้สูงอายุอยู่เยอะ ทำให้ผู้คนที่เมืองนี้ยังมีความหัวโบราณ มองว่าผู้หญิงที่ถูกผู้ชายทิ้งตั้งแต่ยังสาวนั้นเป็นคนมีตำหนิ แถมทงแบคยังเลือกที่จะเปิดร้านเหล้าที่มีผู้ชายมากหน้าหลายตาเดินเข้ามาอุดหนุน นั่นทำให้คนในพื้นที่มองเธอในทางลบไปกันใหญ่

 

ความน่าประทับใจของซีรีส์คือการสื่อสารเรื่องมุมมองความรักหลากหลายรูปแบบได้อย่างลึกซึ้งกินใจ ทั้งความรักของพี่น้อง เพื่อนบ้าน สามีภรรยา โดยเฉพาะความรักระหว่างแม่ลูกที่ทำออกมาได้ดีมาก ใครที่ดูจนจบแล้วไม่หลั่งน้ำตาออกมาก็คงจะใจแข็งเกินไป

 

“ฉันพยายามที่จะไม่ตกหลุมรัก เพราะกลัวว่ามันจะทำให้เจ็บปวด

ฉันทำเหมือนกับว่าเป็นคนพ่ายแพ้ เพราะวันใดที่ฉันมีความรัก

ฉันจะมอบทั้งหมดให้เขาคนนั้น ตัวจริงของฉันมันดูน่าสมเพชอย่างนั้นแหละ”

– ทงแบค, When the Camellia Blooms

 

 

 

My Mister

นำแสดง: อีซอนกยุน, ไอยู

ออกอากาศ: tvN, Netflix, iQiYi, WeTV

 

ซีรีส์สำหรับคนที่ไม่รู้ว่าชีวิตจะมีความสุขได้อย่างไร เพราะด้วยชะตากรรมชีวิตที่เลือกไม่ได้ ทำให้ต้องเจอกับมรสุมพัดผ่านเข้ามาไม่รู้จบ

 

My Mister ทำให้เห็นว่ามีคนมากมายที่พยายามเข้มแข็งเพื่อซ่อนความอ่อนแอเอาไว้ เช่นเดียวกับชีวิตของอีจีอึน ผู้หญิงที่ทำงานทั้งวันทั้งคืนเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว เช้าเป็นลูกจ้างรายวันในบริษัท เย็นทำงานล้างจานร้านอาหาร จนวันหนึ่งก็ได้งานแปลกๆ ที่ให้เธอสร้างเรื่องเพื่อให้ พัคดงฮุน วิศวกรบริษัทที่เธอทำงานอยู่เจอข้อหาการกระทำส่วนตัวที่ไม่ชอบ และต้องออกจากงานไป 

 

ระหว่างที่ทำทุกอย่างเพื่อให้เขาต้องออกจากงาน เธอยิ่งพบว่าคุณลุงคนนี้ก็มีชีวิตน่าเศร้าไม่ต่างอะไรกับเธอ จนทำให้ค้นพบความหมายของความรักที่อยู่บนพื้นฐานของความซื่อสัตย์และชัดเจน ความดีจากข้างในของคุณลุงทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นที่เยียวยาหัวใจบางอย่าง คนดูอย่างเราๆ ก็อาจเสียน้ำตาเพราะชีวิตที่ถูกแผดเผาจากโลกแห่งความจริงที่กำลังพบเจอ ไม่ได้ต่างอะไรกับอีจีอึนและพัคดงฮุน

 

My Mister การพบเจอกันของคนสองคนต่างวัยที่จะช่วยเยียวยากันและกัน แม้ว่าต่างจะต้องแบกรับภาระแสนสาหัสไว้บนบ่าของตัวเอง

 

“ถ้าคุณมีใครสักคนอยู่ข้างๆ ในวันปีใหม่และวันขอบคุณพระเจ้า นั่นล่ะ คุณได้ทำ ‘การบ้าน’ ที่ต้องทำในชีวิตเสร็จหมดแล้ว” 

– พัคดงฮุน, My Mister

 

 

Hospital Playlist ซีซัน 1 และซีซัน 2

นำแสดง: โจจองซอก, ยูยอนซอก, ชองคยองโฮ, คิมแดมยอง, ชอนมีโด

ออกอากาศ: tvN, Netflix

 

เรื่องราวความสัมพันธ์อันยาวนานของกลุ่มเพื่อนนักเรียนแพทย์ที่เป็นกำลังสำคัญของโรงพยาบาลในสาขาต่างๆ ความอบอุ่นของเรื่องแสดงผ่านบทเพลงที่ใช้ประกอบซีรีส์ในแต่ละตอน ซึ่งล้วนเป็นเพลงเก่าจากยุค 80-90 ที่ทำให้คนดูได้ย้อนกลับไปยังวันวานเช่นเดียวกับเหล่าคุณหมอ 

 

ขณะเดียวกันเรื่องราวของตัวละครรายล้อมก็ล้วนเรียกน้ำตา ทั้งยังเป็นกำลังใจให้เรามองเห็นคุณค่าในชีวิตของตัวเอง เพราะเรื่องความเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ ที่แม้คนไข้จะยอมแพ้ แต่เหล่าคุณหมอโรงพยาบาลยุลเจไม่เคยยอมแพ้ และทำทุกอย่างเพื่อให้คนไข้มีชีวิตต่อไปได้

 

ความสำคัญของการมีชีวิตอยู่ น่าจะเป็นเมสเสจหลักที่ทำให้เราได้เห็นว่าในเวลาน้อยนิดที่เหลือ เราทำดีเพื่อคนรอบข้างและใจดีกับตัวเองได้บ้างหรือยัง

 

“บางครั้งเรื่องร้ายๆ ก็อาจเกิดขึ้นกับคนดีๆ”

– ซอกฮยอง, Hospital Playlist

 

 

Move to Heaven

นำแสดง: อีเจฮุน, ทังจุนซัง, ฮงซึงฮี

ออกอากาศ: Netflix

 

ความรัก ความตาย และความหมายของการเป็นมนุษย์ คือสิ่งที่เราอาจได้เรียนรู้หลังจากดูซีรีส์ Move to Heaven ซึ่งผ่านความค่อยเป็นค่อยไปของเรื่องราวที่ไม่ได้บีบบังคับให้เราอินกับมันตั้งแต่เริ่มต้น เพราะสำหรับคนดูทั่วไป เราอาจเริ่มต้นกับ Move to Heaven ในแบบที่คุณอาโจซังกูเป็นในตอนแรก แข็งกร้าว ไม่สนใจคนอื่น ไร้ระเบียบ แต่การที่ตัวเขาเองได้เข้ามาทำอาชีพจัดเก็บข้าวของคนตายร่วมกับหลานชาย ฮันกือรู ก็ทำให้เขาได้ซึมซับความรัก ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างทาง ทั้งยังเปลี่ยนตัวเขาเองเป็นคนใหม่ที่ดีขึ้นได้ด้วย

 

Move to Heaven เป็นซีรีส์ที่จะต้องเสียน้ำตาแน่นอน ไม่ว่าคุณจะเป็นคนใจแข็งแค่ไหนก็ตาม เพราะมันเต็มไปด้วยความสัมพันธ์และการมีชีวิตของมนุษย์ในหลายรูปแบบ

 

และการเสียน้ำตาใน Move to Heaven ก็เป็นการได้เยียวยาจิตใจตัวเราเองไปด้วย อย่างที่ผู้กำกับคิมซองโฮให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “ซีรีส์เรื่องนี้เกี่ยวกับประเด็นสังคมสมัยใหม่ที่ค่อนข้างแห้งแล้งและน่าเศร้า พอมีคนเสียชีวิตก็แทบไม่มีใครมาใส่ใจจัดการเก็บกวาด ทำความสะอาด หรือจัดการข้าวของที่เหลืออยู่ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่แห้งแล้ง ผู้คนใช้ชีวิตเพียงลำพัง

 

“ผมหวังว่าการได้ดูซีรีส์เรื่องนี้จะทำให้เราเป็นคนในสังคมที่ดีขึ้น ไม่เฉยเมยกับการจากไปของคนข้างๆ เพื่อนบ้าน หรือผู้คนในสังคม เราทำอะไรได้มากกว่านี้ ดูแลกันและกันได้มากกว่านี้ในฐานะของพลเมือง ความเป็นมนุษย์ เพราะมีคนมากมายเหลือเกินที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวและแสนเศร้า” 

 

“ถ้าเรายังจดจำได้ เขาก็ไม่มีวันหายไปไหน” 

– คุณพ่อของฮันกือรู, Move to Heaven

 

 

Fight for My Way

นำแสดง: คิมจีวอน, พัคซอจุน, อันแจฮง, ซงฮายุน

ออกอากาศ: KBS2, Netflix, Viu, iQiYi

 

จะฝันใหญ่หรือเล็กไม่สำคัญ การพยายามเดินทางไปให้ถึงฝั่งฝันต่างหากที่สำคัญ

 

เรื่องราวชีวิตของกลุ่มเพื่อน 4 คนที่มีความฝัน แต่เพราะโลกความจริงมันยากกว่านั้น บางทีมีแค่ใจอย่างเดียวอาจยังไม่พอ ตัวละครหลักในเรื่องนี้ก็เช่นกัน โกดงมัน อดีตนักเทควันโดดาวรุ่ง ที่ชีวิตพลิกผันกลายมาเป็นพนักงานกำจัดปลวก และ ชเวเอรา ผู้มีความใฝ่ฝันจะเป็นผู้ประกาศข่าวมาตลอดชีวิต แต่ทุกวันนี้เป็นได้เพียงพนักงานประชาสัมพันธ์ในห้างสรรพสินค้า

 

Fight for My Way อาจถูกฉาบหน้าด้วยโทนสีที่ทำให้รู้สึกเหมือนซีรีส์โรแมนติกคอเมดี้ทั่วๆ ไป แต่ถ้าได้ลองตั้งใจดูจริงๆ ก็จะพบว่ามันสอดแทรกแง่คิดและแรงบันดาลใจมากมายที่นำมาใช้ได้จริง และเราจะผูกพันไปกับตัวละครเหล่านี้มากขึ้นเรื่อยๆ และอาจจะเผลอน้ำตาไหลด้วยความรู้สึกอิ่มเอมในหัวใจโดยไม่รู้ตัว

 

“มันไม่เท่หรอกนะตอนที่คุณอยากจะร้องไห้แต่ต้องทำเป็นเหมือนว่ามันโอเค ถ้าอยากร้องไห้ก็แค่ร้องออกมา มันเป็นสิ่งที่เท่ที่สุดแล้วล่ะ”

– โกดงมัน, Fight for My Way

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising