เหตุไฟป่าครั้งรุนแรงที่เกิดขึ้นในเกาะเมาวีของฮาวายได้ดำเนินมากว่า 1 สัปดาห์แล้ว ท่ามกลางความเหนื่อยล้าของประชาชนที่มีความบอบช้ำทางจิตใจ และต้องประทังชีวิตด้วยสิ่งของบรรเทาทุกข์ที่ได้รับบริจาคเข้ามา ขณะหลายคนยังคงเดินทางกลับไปดูซากบ้านของตัวเอง บ้างก็รอจะได้รับข่าวว่าบุคคลที่ตนรักซึ่งสูญหายไปนั้นมีชะตากรรมเป็นอย่างไร
ยอดผู้เสียชีวิตที่มีการอัปเดตล่าสุดวานนี้ (15 สิงหาคม) อยู่ที่ 101 คน หลังจากที่เปลวเพลิงได้ลามลุกไหม้เข้ามายังเมืองลาไฮนาตั้งแต่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (8 สิงหาคม) โดยพื้นที่ของความเสียหายในเมืองแห่งนี้อยู่ที่ 13 ตารางกิโลเมตร ซึ่งคาดว่าจะกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวของเมืองลาไฮนา ซึ่งปกติแล้วจะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มหาศาลในแต่ละปี
แม้ขณะนี้จะมีการบริจาคเงินและสิ่งของบรรเทาทุกข์เข้ามาในฮาวาย ประกอบกับเจ้าหน้าที่ที่ให้คำมั่นว่าจะช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง แต่ก็มีผู้คนบางส่วนที่เลือกดูแลตัวเอง และช่วยเหลือผู้ที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก ยกตัวอย่างเช่น คานามู บาลินบิน (Kanamu Balinbin) โค้ชฟุตบอลท้องถิ่น ที่จัดตั้งแคมป์บรรเทาทุกข์ขึ้นมาเพื่อให้คนที่สูญเสียที่อยู่อาศัยมารับน้ำดื่มและอาหารได้ที่นี่ โดยเขายอมรับว่าที่ผ่านมาเขามองตัวเองว่าเป็นผู้นำที่แข็งแกร่ง แต่สถานการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้นทำให้เขารู้สึกเสียศูนย์ เขาจึงเลือกช่วยเหลือผู้คนเพื่อให้ตัวเองและคนอื่นๆ ก้าวไปข้างหน้าต่อไหว
นอกจากนี้เขายังกล่าวด้วยว่า คนในท้องถิ่นรู้สึกคับข้องใจต่อประเด็นที่ว่า เกาะเมาวีไม่ได้รับความสนใจจากรัฐบาลมาตั้งนานแล้ว แม้เกาะแห่งนี้จะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างงดงามก็ตาม
เปลวเพลิงจากไฟป่าทำลายอาคารมากกว่า 2,200 หลัง ซึ่ง 86% ของอาคารเหล่านั้นคือที่พักอาศัยของประชาชน ขณะมูลค่าความเสียหายรวมอยู่ที่ 5.5 พันล้านดอลลาร์ สำหรับการกู้ภัยนั้น ตอนนี้สุนัขกู้ภัย 20 ตัวได้ปฏิบัติหน้าที่ครอบคลุมพื้นที่ของความเสียหายราว 25% แล้ว โดยสุนัขเหล่านี้ได้รับการฝึกมาให้ดมกลิ่นหาร่างผู้เสียชีวิตได้โดยเฉพาะ
ในช่วงก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่รัฐอนุญาตให้ประชาชนบางส่วนกลับเข้าไปยังพื้นที่ความเสียหายในเมืองลาไฮนาได้ เพื่อให้พวกเขาไปสำรวจบ้านเรือนของตนเอง แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจสั่งระงับการเข้าไปยังพื้นที่ หลังจากที่มีประชาชนไปอัดแน่นอยู่ในที่เกิดเหตุ จนเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่กู้ภัย ขณะที่มีประชาชนคนหนึ่งถูกจับกุมตัวข้อหาบุกรุกด้วย
ภาพ: Robert Gauthier / Los Angeles Times via Getty Images
อ้างอิง:
