The New York Times รายงานเกี่ยวกับเอกสารลับที่ระบุว่า กลุ่มฮามาสพยายามชักชวนอิหร่านและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนร่วมกันปฏิบัติภารกิจ Al Aqsa ถล่มโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้ว
กลุ่มฮามาสใช้เวลาวางแผนโจมตีอิสราเอลนานกว่า 2 ปี และชักชวนพันธมิตรร่วมกันโจมตีอิสราเอลในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย โดยทั้งหมดถูกระบุอยู่ในรายงานการประชุมลับของกลุ่มฮามาสที่พบในคอมพิวเตอร์ และถูกยึดโดยกองทัพอิสราเอลในฉนวนกาซาเมื่อช่วงต้นปี 2024
The New York Times รายงานอีกว่า กลุ่มฮามาสพยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์ความรุนแรงกับอิสราเอลมาตั้งแต่ปี 2021 เพื่อหลอกให้ผู้นำอิสราเอลประมาทและตายใจ โดยฮามาสเคยจะเปิดฉากโจมตีอิสราเอลตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงในปี 2022 ก่อนที่จะเลื่อนออกไป
ทั้งยังระบุว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกลุ่มฮามาสเดินทางไปพบกับ โมฮัมเหม็ด ซาอิด อิซาดี ผู้บัญชาการอาวุโสของอิหร่าน ซึ่งประจำอยู่ในเลบานอน เมื่อเดือนกรกฎาคม 2023 โดยอ้างว่า อิซาดีกล่าวว่าอิหร่านและฮิซบอลเลาะห์สนับสนุนแผนการนี้ในเชิงหลักการแล้ว แต่ยังจำเป็นต้องใช้เวลาเพิ่มมากขึ้นในการเตรียมตัวก่อนเปิดฉากปฏิบัติการ
เบื้องต้น ทั้งอิหร่านและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปิดฉากโจมตีอิสราเอลของกลุ่มฮามาสในวันนั้นแต่อย่างใด โดยคณะผู้แทนอิหร่านประจำสหประชาชาติชี้ว่า รายงานการประชุมลับที่ The New York Times อ้างถึงนั้นถูกปลอมแปลงขึ้นมา
ด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกลุ่มฮามาสในกรุงโดฮา เมืองหลวงของกาตาร์ระบุว่า พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับปฏิบัติการดังกล่าว โดยการวางแผน การตัดสินใจ และการกำกับดูแลทั้งหมดดำเนินการโดยฝ่ายทหารของฮามาสในฉนวนกาซาแต่เพียงผู้เดียว พร้อมระบุว่า การกล่าวอ้างใดๆ ที่พยายามเชื่อมโยงเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้วกับอิหร่านหรือฮิซบอลเลาะห์ ถือว่าไม่น่าเชื่อถือและมาจากเอกสารปลอม
ขณะที่โฆษกของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ก็ยังคงยืนยันตามสิ่งที่ ฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ ผู้นำเบอร์หนึ่งของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ผู้ล่วงลับเคยระบุไว้ว่า กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ไม่ทราบเกี่ยวกับปฏิบัติการ Al Aqsa เพื่อถล่มโจมตีอิสราเอลแต่อย่างใด
หลายฝ่ายแสดงความกังวลเกี่ยวกับสงครามอิสราเอล-ฮามาสที่ยังคงขยายขอบเขตความเสียหายอย่างต่อเนื่อง แม้จะดำเนินมานานกว่า 1 ปีแล้ว ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับคู่ขัดแย้งอื่นๆ ในตะวันออกกลาง ที่อาจขยายตัวเป็นกลายเป็นสงครามระดับภูมิภาคในอนาคต
แฟ้มภาพ: Sameh Rahmi / NurPhoto via Getty Images
อ้างอิง: