×

เจาะรายละเอียด ‘คนละครึ่งพลัส’ และ ‘เที่ยวเมืองรอง’ ลดหย่อนภาษี ดัน GDP Q4 โตเกิน 1%

01.10.2025
  • LOADING...
คนละครึ่งพลัส เที่ยวเมืองรอง

รมว.คลัง เชื่อ ‘คนละครึ่ง-เที่ยวเมืองรอง’ ช่วยดันเศรษฐกิจไทยพ้นหล่ม คาด GDP ไตรมาส 4 โตเกิน 1% เตรียมดึง Micro SMEs เข้าสู่ระบบภาษี

 

วันนี้ (1 ตุลาคม) ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ‘คนละครึ่ง พลัส’ และมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ภายใต้แนวทาง ‘Quick Big Win’ ซึ่งรัฐบาลมุ่งหวังให้เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 

 

โดย ดร.เอกนิติ เชื่อว่า GDP ไตรมาส 4 ปีนี้จะขยายตัวได้เกิน 1% หากมาตรการ ‘Quick Big Win’ ทั้งชุดเดินหน้าได้เต็มที่ 

 

คนละครึ่งพลัส เริ่มใช้สิทธิ์ 29 ตุลาคมนี้ 

 

สำหรับโครงการคนละครึ่ง ดร.เอกนิติ ระบุว่า จะนำวาระเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคมเป็นต้นไป 

 

โดยรัฐบาลให้วงเงินสนับสนุนคนละ 2,000 บาท ไม่เกินคนละ 200 บาทต่อวัน ใช้งบประมาณรวมทั้งสิ้น 44,000 ล้านบาท ซึ่งจัดสรรจากงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 25,000 ล้านบาท และงบกลาง 19,000 ล้านบาท ในงบประมาณปี 2569

 

ส่วนรายละเอียดการลงทะเบียนเพิ่มเติม ลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สำหรับประชาชนทั่วไปทั้งรายเก่าและรายใหม่ จะมีการเปิดลงทะเบียน ‘รับสิทธิ์’ เข้าร่วมโครงการระหว่างวันที่ 20-26 ตุลาคมนี้ ผ่านแอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’ ส่วนผู้ประกอบการร้านค้า เริ่มลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคมได้จนสิ้นสุดโครงการ

 

ดึง Micro SMEs ร่วมคนละครึ่ง จูงใจผู้ประกอบการเข้าระบบภาษี

 

ที่สำคัญ จุดเด่นสำคัญของโครงการคนละครึ่งในครั้งนี้ คือการเปิดทางให้ผู้ประกอบการนิติบุคคลรายย่อย ระดับ Micro SMEs สามารถเข้าร่วมได้เป็นครั้งแรก โดยจะเป็นธุรกิจในหมวดสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม รวมถึงสินค้าทั่วไป และต้องอยู่ในระบบภาษีของกรมสรรพากร

 

ทั้งนี้ ลวรณ ระบุว่า กลุ่มธุรกิจ SMEs ในระบบที่มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 1.8 ล้านบาท มีจำนวนประมาณ 3,000 ราย ขณะที่กลุ่ม SMEs ที่มีรายได้ตั้งแต่ 1.8 ล้านบาท ไปจนถึง 30 ล้านบาท มีประมาณ 2,000 ราย รวมทั้งสิ้นประมาณ 5,000 ราย

 

ดร.เอกนิติ ระบุว่า การให้สิทธิ์นิติบุคคล Micro SME เหล่านี้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง พลัส ถือเป็นการ ‘พลัส’ ที่สำคัญ เพื่อดึงคนกลุ่มนี้เข้าสู่ระบบภาษี และเพิ่มรายรับการคลัง

 

เที่ยวเมืองรอง ลดหย่อนภาษี

 

นอกจากนี้ ดร.เอกนิติยังเผยถึงมาตรการส่งเสริมศักยภาพในการท่องเที่ยวเมืองรอง ซึ่งจะเป็นการมอบสิทธิ์หักลดหย่อนภาษีสูงถึง 2 เท่า โดยปัจจุบัน มาตรการดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของกรมสรรพากร และอาจอิงเพดานราคาสูงสุดที่ 40,000 บาท 

 

ทั้งนี้ ดร.เอกนิติระบุว่า จะนำวาระเข้าที่ประชุม ครม. ในวันที่ 14 ตุลาคม และคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะเริ่มต้นได้ในช่วงปลายปีนี้ โดยจะกำหนดให้อยู่ในช่วงก่อนฤดูกาลท่องเที่ยวหลัก เพื่อไม่ให้มาตรการไปซ้อนกับช่วงพีคซีซัน

 

โดย ดร.เอกนิติ กล่าวว่า จากผลของการดำเนินมาตรการลักษณะเดียวกันนี้ในปี 2561 พบว่า มีผู้ใช้สิทธิ์ราว 120,000 ราย และเกิดธุรกรรมกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า สามารถช่วยกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นได้อย่างชัดเจน แม้เม็ดเงินภาษีที่เกี่ยวข้องจะไม่สูงมากนัก

 

มาตรการเสริม ยกระดับศักยภาพเมืองรอง

 

ไม่เพียงเท่านั้น ดร.เอกนิติยังเผยอีกด้วยว่า รัฐบาลได้เตรียมมาตรการเสริมที่มุ่งผลระยะยาว เพื่อยกระดับคุณภาพการท่องเที่ยวในเมืองรอง โดยจะให้สิทธิ์ ผู้ประกอบการสามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่า สำหรับการปรับปรุงหรือซ่อมแซมโรงแรมในเมืองรอง

 

อีกหนึ่งกลไกสำคัญคือการ เร่งให้ราชการและรัฐวิสาหกิจ เร่งใช้จ่ายงบประมาณการท่องเที่ยว เพื่อสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจในช่วง 4 เดือนข้างหน้า จากเดิมที่จะมีการใช้จ่ายกระจุกในช่วงปลายปีงบประมาณ 

 

ซึ่ง ดร.เอกนิติระบุว่าเป็นการ Front Loading การเบิกจ่ายงบประมาณ โดยสามารถไปเมืองใหญ่ได้ แต่ ต้องพ่วงเมืองรอง ด้วย

 

เชื่อ ‘Quick Big Win’ ทั้งชุด หนุนเศรษฐกิจไทยรอดท้องช้าง

 

สุดท้ายนี้ ดร.เอกนิติ เชื่อมั่นว่า มาตรการ ‘Quick Big Win’ ทั้งชุด จะช่วยให้เศรษฐกิจไทย ขับเคลื่อนรถยนต์ให้พ้นจากหล่ม และไม่ให้ตกท้องช้างได้

 

สำหรับเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตที่ 0.3% ตามการประเมินเบื้องต้น ดร.เอกนิติ ระบุว่า มาตรการกระตุ้นการบริโภค ได้แก่ โครงการคนละครึ่งพลัส และการเติมเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะช่วยเพิ่ม GDP ได้ราว 0.2–0.4% 

 

ไม่เพียงเท่านั้น ดร.เอกนิติ อธิบายอีกด้วยว่า มาตรการเหล่านี้ล้วนเป็นมาตรการที่เจาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ซึ่งมีพลังในการกระตุ้นสูง โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในจังหวัดฐานราก เช่น นราธิวาส แม่ฮ่องสอน หรือน่าน ดังนั้น ดร.เอกนิติจึงเชื่อว่าแรงกระตุ้นที่แท้จริงอาจสูงถึง 0.7% 

 

ซึ่งเมื่อรวมกับ มาตรการ Quick Big Win ชุดอื่น ๆ อาทิ การเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐ (Front Load) และมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ดร.เอกนิติ คาดว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 ปีนี้ จะสามารถเติบโตได้เกิน 1% โดยมีทั้งการบริโภค การท่องเที่ยว และการใช้จ่ายภาครัฐทำหน้าที่เป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจช่วงโค้งสุดท้ายของปี

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising