นายกฯ ‘อนุทิน’ ประชุม คกก.นโยบายเศรษฐกิจ เดินหน้านโยบาย Quick Big Win ด้านพลังงาน เดินหน้า ‘โซลาร์ชุมชน โซลาร์เพื่อการเกษตร และการซื้อขายโซลาร์’ ให้เกิดขึ้นภายในสิ้นปีนี้ เผย เตรียม “คนละครึ่ง พลัส” เฟส 2 ใช้ ม.ค. นี้ไว้แล้ว หากยุบสภาก่อน ต้องถามกกต.ก่อนว่า ทำได้หรือไม่
วันนี้ (20 ตุลาคม) อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (กนศ.) ครั้งที่ 2/2568
โดยมีคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ อาทิ
- เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
- อรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
- อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
- ศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
- วรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
- ศศิธร กิตติธรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
- จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
และปลัดกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมด้วย
โดยสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (กนศ.) ครั้งที่ 2/2568 ว่า ที่ประชุมรับทราบรายงานผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (กนศ.) ครั้งที่ 1/2568 และรายงานความก้าวหน้านโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล เช่น โครงการคนละครึ่ง พลัส ที่ได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมาก ทั้งฝั่งร้านค้าและผู้ซื้อ
โดยข้อมูล ณ วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม 2568 ฝั่งร้านค้าลงทะเบียนแล้ว จำนวน 287,121 ร้าน และประชาชนลงทะเบียนแล้ว 18,200,870 ราย และ ณ เวลา 16.00 น. ครบ 20 ล้านสิทธิ์แล้ว
ทั้งนี้ สิริพงศ์ กล่าวว่า ที่ประชุมมีความกังวลใจว่า สำหรับประชาชนที่ได้รับการแจ้งเตือนว่า “กำลังตรวจสอบสิทธิ์อยู่ จะแจ้งให้ทราบภายใน 3 วัน” แบบนี้ถือว่า เป็นการจองสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว
โดยจะต้องมีการไปตรวจสอบก่อนว่า ได้รับสิทธิ์หรือไม่ ถ้าได้รับสิทธิ์ก็จะมีข้อความแจ้งว่า ได้รับสิทธิ์ 2,000 บาท หรือ 2,400 บาท โดยยืนยันว่า ไม่ต้องไปลงทะเบียนใหม่แต่อย่างใด แต่ถ้าไม่ได้รับข้อความแจ้งเตือนนั้นหมายความว่า อาจจะขาดคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่งที่ได้แจ้งไว้ตั้งแต่ต้น
ส่วนข้อสงสัย กรณีเป็นผู้เสียภาษี แต่ได้รับสิทธิ์เพียง 2,000 บาท ไม่ใช่ 2,400 บาทนั้น สิริพงศ์ ชี้แจงว่า ได้รับการแจ้งจากกระทรวงการคลัง ว่า คนที่จะได้รับวงเงิน ‘คนละครึ่ง พลัส’ จำนวน 2,400 บาท คือ ผู้ที่ยื่นแบบภาษี ดังนี้
- ผู้ที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับผู้มีเงินได้กรณีทั่วไป (ภ.ง.ด. 90)
- ผู้ที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้มีเงินได้จากการจ้างแรงงาน ตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ประเภทเดียว (ภ.ง.ด. 91)
- ผู้ที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ได้รับสิทธิ์ลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 95) ของปีภาษี 2567
ตามฐานข้อมูลของกรมสรรพากร ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568
สิริพงศ์ ยังเปิดเผยว่า ได้มีการเตรียมโครงการคนละครึ่ง พลัส เฟส 2 ไว้ โดยคาดว่าจะดำเนินการได้ในเดือนมกราคม 2569 โดยได้วงเงินเท่ากับเฟส 1 และใช้งบประมาณจากงบกลางที่ใช้สำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2569 โดยจะมี 2 ส่วน
1.ฝั่งผู้ขายในเฟส 2 ต้องผ่านการอัพสกิล หรือ รีสกิล ก่อน ซึ่งหลักสูตรจะจัดสรรในแอปพลิเคชั่น ‘ถุงเงิน’
2.ประชาชนทั่วไปจะพิจารณาให้กับผู้ที่ยังไม่ได้รับสิทธิ์ในเฟสที่ 1 ถือว่าเป็นการขยายสิทธิ์ให้
ทั้งนี้ หากรัฐบาลมีการยุบสภาไปก่อน โครงการคนละครึ่ง พลัส เฟส 2 จะดำเนินการได้หรือไม่ ต้องไปถามคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อน
นอกจากนี้ การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ จะมีการนำเสนอมาตรการเที่ยวเมืองรอง
ทั้งนี้ สิริพงศ์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณามาตรการด้านพลังงาน เพื่อขับเคลื่อนมาตรการภายใต้นโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล
โดยกระทรวงพลังงาน ได้เสนอมาตรการด้านพลังงานเพื่อลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบาย “กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว” ผ่านโครงการ Quick Big Win ด้านพลังงาน 3 มาตรการ 9 แผนงาน/โครงการ
อาทิ โครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน โซลาร์สูบน้ำเพื่อการเกษตร การส่งเสริมการติดตั้ง Solar Rooftop ในบ้านอยู่อาศัยด้วยมาตรการทางภาษี โครงการโซลาร์ลอยน้ำในเขื่อน (FPV) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เป็นต้น
“นายกฯ ได้พูดคุยแนวทางอยากให้กระทรวงพลังงานไปดูว่า นโยบายไหนที่เป็น Quick จริงๆ สามารถทำได้จริงๆ ทำได้ก่อน ทำได้เร็ว ก็ให้ดำเนินการเลย ซึ่งน่าจะมี 3 โครงการที่ดำเนินการได้ภายในสิ้นปีนี้ คือ โซลาร์ชุมชน โซลาร์เพื่อการเกษตร และการซื้อขายโซลาร์ได้” สิริพงศ์ กล่าว
โดยที่ประชุมเห็นชอบในหลักการมาตรการด้านพลังงาน เพื่อขับเคลื่อนมาตรการด้านพลังงาน ภายใต้นโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล และให้ดำเนินการตามขั้นตอนและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ก่อนเสนอ ครม. พิจารณาในวันที่ 28 ต.ค.นี้
นายกรัฐมนตรี ย้ำให้ดำเนินโครงการที่สามารถดำเนินการได้ก่อนและเป็นประโยชน์กับประชาชน เช่น โครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน โดยมีแนวคิดอยากให้มีการกระจายไปในแต่ละพื้นที่ โครงการโซลาร์สูบน้ำเพื่อการเกษตร การส่งเสริมการติดตั้ง Solar Rooftop ในบ้านที่อยู่อาศัยด้วยมาตรการทางภาษี
โครงการดังกล่าวจะช่วยเหลือประชาชนได้จริงโดยเฉพาะการลดรายจ่าย สร้างรายได้ รวมไปถึงมาตรการคาร์บอนเครดิต ในการส่งเสริมการลดโลกร้อนตามนโยบายรัฐบาลและสามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชนในชุมชนต่างๆ ได้อีกด้วย และนโยบายจะต้องไม่เป็นการผูกขาดให้กับเอกชนรายใดรายหนึ่ง สามารถทำได้ในวงกว้าง
นายกรัฐมนตรีขอให้ทุกกระทรวงพิจารณาถึงโครงการหรือกิจกรรมที่จะเป็นประโยชน์กับประชาชน ที่ไม่ใช่งาน Routine และดำเนินการได้ภายในเวลา 3 เดือนที่เหลือ และส่งให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เพื่อรวบรวมอยู่ใน Dashboard และนำมารายงานความคืบหน้าต่อคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจในการประชุมทุกครั้ง
ทั้งนี้ ข้อมูลโครงการที่ส่งมาเข้า Dashboard ขอให้มีการทำ cost-benefit analysis และให้ระบุถึงต้นทุน งบประมาณ และผลลัพธ์ที่ชัดเจน เพื่อสื่อสารให้ทุกคนเข้าใจถึงประโยชน์ที่จะเกิดจากการดำเนินโครงการให้ชัดเจน
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่า ทุกโครงการและกิจกรรมที่รัฐบาลจะดำเนินการจะต้องมีความโปร่งใส ยึดหลักวินัยการเงินการคลัง ยึดผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศเป็นหลัก ซึ่งจะนำมาซึ่งความน่าเชื่อถือของประเทศไทยต่อนักลงทุนและ Rating Agency
รวมทั้งให้กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการตามแผนงานที่นำเสนอ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และสอดคล้องกับกฎหมายระเบียบ และ มติ ครม. ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ขอให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการคลัง สนับสนุนและให้ความร่วมมือกับกระทรวงพลังงานอย่างเต็มที่ด้วย
สิริพงศ์ กล่าวว่า ในการประชุมครั้งต่อไป อีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า จะมีการนำมาตรการของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ การค้า การส่งออกรวมถึงการดูแลค่าครองชีพประชาชน
