เคยสงสัยกันบ้างไหมว่าใครกันเป็นผู้ออกแบบเดรสดีไซน์โมเดิร์นของ Tilda Swinton และชุดสูทเท่ฉีกขนบจากสูทเรียบทั่วไปของ Timothee Chalamet สองนักแสดงผู้ถูกยกย่องในเรื่องสไตล์อันยอดเยี่ยมในงานพรมแดง หากเอ่ยถึง Haider Ackermann คอแฟชั่นตัวจริงจะต้องรู้จักชื่อเสียงของเขาเป็นอย่างดี เพราะเขานี่แหละคือผู้อยู่เบื้องหลังดีไซน์เสื้อผ้าอันโดดเด่นของสองนักแสดงที่เรากล่าวถึง
ชื่อของ Haider Ackermann ถูกกล่าวถึงมากขึ้นหลังจากการเข้ารับตำแหน่งครีเอทีฟไดเรกเตอร์ที่แบรนด์ Tom Ford และเพิ่งโชว์คอลเล็กชันเปิดตัวไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เขาอาจไม่ได้แมสเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปแต่ในแวดวงแฟชั่นเขาถือเป็นดีไซเนอร์มากฝีมือผู้ได้รับการยอมรับอย่างสูงจากคนในวงการ Karl Lagerfeld ดีไซเนอร์ระดับตำนานยังเคยกล่าวว่า หากเขาต้องมีผู้สืบทอดที่ Chanel เขาอยากให้เป็น Haider มารับช่วงต่อ แม้คำกล่าวนั้นจะไม่เกิดขึ้นจริง ชื่อของ Haider ในวันนี้กำลังก้าวเข้าสู่บทบาทสำคัญครั้งใหม่ในอาชีพสายดีไซเนอร์ของเขาในการสร้างตำนานบทใหม่ให้กับแบรนด์ Tom Ford
วันนี้ THE STANDARD POP จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับดีไซเนอร์มากฝีมือคนนี้กันมากขึ้น
HOW HE STARTED
Haider Ackermann เกิดที่โบโกตา ประเทศโคลอมเบีย แต่ได้รับการอุปการะจากครอบครัวชาวฝรั่งเศส – ดัตช์ เขาเติบโตขึ้นจากความหลากหลายทางวัฒนธรรม เขาศึกษาแฟชั่นที่ Royal Academy of Fine Arts สถาบันแฟชั่นชื่อดังในเมืองแอนต์เวิร์ป ประเทศเบลเยียม ซึ่งเป็นสถาบันเดียวกันกับดีไซเนอร์ชื่อดัง อาทิ Dries Van Noten และ Martin Margiela แม้ว่าตัวเขาจะเรียนไม่จบ แต่ที่นี่ได้ฝังรากฐานงานดีไซน์เชิงโครงสร้างสถาปัตยกรรมให้แก่เขาจนกลายเป็นซิกเนเจอร์งานดีไซน์ของเขาในปัจจุบัน Haider เปิดตัวแบรนด์ภายใต้ชื่อของเขาครั้งแรกในปี 2001 จุดเด่นของแบรนด์เขาคือ การตัดเย็บและซิลูเอตคมกริบ รวมถึงสไตล์แบบ Gender-Fluid เสื้อผ้าแบบไร้เพศแสดงถึงความสง่างามแบบไร้กรอบ สื่อแฟชั่นหลายสำนักต่างกล่าวว่าเขานั้นคือ ‘นักกวีผ่านการใช้ผ้า’ ด้วยดีไซน์โครงสร้างแบบไหลลื่น ส่งให้เขาเป็นที่จับตามองในวงการแฟชั่นทันที
DESIGN AESTHETIC
การที่เขาถูกหล่อหลอมด้วยวัฒนธรรมอันหลากหลายส่งผลให้เขามีมุมมองทางแฟชั่นที่ลึกซึ้งและเปิดกว้างทางวัฒนธรรม คอลเล็กชันแรกของเขามีกลิ่นอายของตะวันออกกลางผสมผสานเข้ากับสไตล์แบบเอเชีย เขาเก่งกาจในด้านการสร้างซิลูเอตที่พลิ้วไหวรับกับจังหวะการเคลื่อนไหวของร่างกาย ผนวกเข้ากับเทคนิคการตัดเย็บอันยอดเยี่ยมทำให้เสื้อผ้าของเขาราวกับมีชีวิต ยังไม่หมดแค่นั้นการจัดวางโครงสร้างผ้าของเขานั้นเรียกได้ว่าแทบไร้ที่ติ และนี่คือเสน่ห์สำคัญที่หลายคนต่างหลงรักในงานดีไซน์ของเขา อีกหนึ่งจุดเด่นที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือ Gender – Fluid วิถีการแต่งตัวแบบไร้เพศที่เขากำหนดขึ้นก่อนที่จะเป็นกระแส ณ ปัจจุบันนี้เสียอีก ชื่อของ Haider ถูกกล่าวขานไม่นานหลังจากเขาเปิดตัวในฐานะดีไซเนอร์จากเทคนิค มุมมอง และวิธีการนำเสนอที่แตกต่างจากดีไซเนอร์
BERLUTI ERA
เดือนกันยายนปี 2016 ชื่อของ Haider ถูกพูดถึงเป็นวงกว้างเมื่อเขาถูกวางตัวให้เข้ามารับตำแหน่งครีเอทีฟไดเรกเตอร์ให้กับแบรนด์ Berluti มีเสียงซุบซิบมากมายว่าเขานั้นเหมาะกับแบรนด์นี้จริงเหรอ เมื่อวิสัยทัศน์ของ Haider นั้นดูอาร์ตและมีเอกลักษณ์ที่เฉพาะตัวมากๆ ในขณะที่ Berluti นั้น เน้นความหรูหราและความคลาสสิก เขาสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการผสมผสานมุมมองอันแตกต่างเข้าด้วยกันผ่านเสื้อผ้าคัตติ้งยอดเยี่ยมได้อย่างลงตัว คอลเล็กชัน Fall/Winter 2017 คอลเล็กชันเปิดตัวที่ได้รับเสียงวิจารณ์เชิงบวกมากมายจากสื่อแฟชั่นทั่วโลก เขาปรับภาพลักษณ์ให้ Berluti ดูทันสมัยและเข้าถึงลูกค้าที่มีความหลากหลายมากขึ้น รวมถึงยังปรับให้งานดีไซน์มีความเป็น Unisex มากขึ้นผ่านการเลือกใช้วัสดุและซิลูเอตที่หลากหลายกว่าแต่ก่อน แม้เขาจะดำรงตำแหน่งได้เพียงแค่ 18 เดือนและทำเพียงได้สามคอลเล็กชันเท่านั้น แต่ภาพลักษณ์ของ Berluti ผ่านมุมมองของเขายังเป็นที่พูดถึงอยู่ทุกวันนี้
THE MUSES
นอกจากฝีมือการออกแบบอันยอดเยี่ยมแล้วนั้น Haider ยังเป็นดีไซเนอร์คนโปรดของนักแสดงหญิงมากฝีมืออย่าง Tilda Swinton ซึ่งเธอมักเลือกสวมชุดของเขาตามงานสำคัญเสมอ และด้วยคาแรกเตอร์ Androgyny ของเธอช่วยขับให้งานของ Haider ชัดเจนมากขึ้นตามลำดับเช่นกัน ไม่แปลกเลยที่ทั้งสองจะกลายเป็นเพื่อนสนิทคอยซัพพอร์ตกันและกันอยู่เสมอ อีกหนึ่งนักแสดงที่เปรียบได้กับกระบอกเสียงของงานดีไซน์จาก Haider ก็คือ Timothee Chalamet นักแสดงหนุ่มมากความสามารถ เขาสร้างภาพลักษณ์แบบใหม่ให้กับนักแสดงชายเมื่อต้องปรากฏตัวบนพรมแดงด้วยการฉีกขนบการแต่งตัวแบบเดิมด้วยชุดสูท ผ่านงานดีไซเนอร์ที่หวือหวาดูหลากหลายมากขึ้น แน่นอนว่าเกือบ 80% มาจากฝีมือของ Haider นั่นเอง โดยเฉพาะเสื้อคล้องคอสีแดงที่เขาสวมใส่ที่งาน Venice Film Festival ในปี 2022 ลุคสุดไวรัลจากฝีมือของ Haider ที่แสดงจุดยืนเรื่องงานดีไซน์ Gender – Fluid ของเขา
GUEST DESIGNER AT JEAN PAUL GAULTIER
Haider Ackermann เป็นหนึ่งในดีไซเนอร์รับเชิญจากโปรเจกต์ของ Jean Paul Gaultier หลังจากเขาประกาศเกษียณตนเองและเลือกเชิญดีไซเนอร์คนอื่นๆ มาออกแบบโดยอิงจากงานอาร์ไคฟ์ของเขา คอลเล็กชันโอตกูตูร์ Spring/Summer 2023 เป็นคราวของ Haider เขาหยิบแรงบันดาลจากงานของ Jean Paul Gaultier มานำเสนอในรูปแบบตัวตนของเขาเอง งานคัตติ้งคมกริบบนชิ้นงานเทเลอร์ชุดสูท รวมถึงการเล่นโครงสร้างทั้งแบบแข็งขึ้นทรงและไหลลื่นไปกับรูปร่าง ซิกเนเจอร์ของตัวเขาเองเข้ากับงานอาร์ไคฟ์ชื่อดังอย่างบราทรงกรวยปรับเปลี่ยนบริบทให้ดูร่วมสมัยมากขึ้น หลายคนชื่นชมว่านี่ถือเป็นหนึ่งในงานดีไซน์ที่ดีที่สุดของอาชีพดีไซเนอร์ของเขาเลย
CREATIVE DIRECTOR OF CANADA GOOSE
ช่วงปี 2014 แบรนด์ Canada Goose ได้ประกาศแต่งตั้งให้ Haider Ackermann รับตำแหน่งครีเอทีฟไดเรกเตอร์คนแรกให้กับแบรนด์ ผลงานชิ้นแรกของเขาคือ การเปิดแบรนด์ย่อยในชื่อ Snow Goose by Canada Goose ซึ่งจริงๆ แล้ว Snow Goose เป็นชื่อแรกของแบรนด์ตั้งแต่ปี 1970s – 1990s ก่อนจะเปลี่ยนเป็น Canada Goose ในปี 2000 แน่นอนว่า Haider นำความหรูหราเข้ามาผสมผสานเข้ากับนวัตกรรมเพื่อการใช้งานได้จริง ปรับภาพลักษณ์ของ Canada Goose ให้ดูหรูหราและมีความเป็นแฟชั่นมากขึ้น เขายังดึงนักแสดงอย่าง Ethan Hawke มาถ่ายทอดภาพแคมเปญสะท้อนมุมมองใหม่ของแบรนด์ภายใต้วิสัยทัศน์ของเขา พร้อมทั้งโปรเจกต์ PBI Hoodie เสื้อฮู้ดที่ทำจากผ้าฝ้ายออร์แกนิก 100% ยกระดับงานดีไซน์แบบยั่งยืนให้กับแบรนด์อีกด้วย
NEW ERA AT TOM FORD
ข่าวใหญ่เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา คือชื่อของ Haider Ackermann ถูกเลือกให้ดำรงตำแหน่งครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของแบรนด์ Tom Ford ซึ่งเป็นการเข้ารับตำแหน่งแบบที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน และเมื่อเดือนมีนาคมช่วงสัปดาห์แฟชั่นวีกเขาได้โชว์คอลเล็กชันแรก Fall/Winter 2025 สู่สายตามหาชน Haider ดึงเอาความเซ็กซี่ของ Tom Ford มาตีความใหม่ในแบบของเขา Tom Ford ที่เคยเซ็กซี่ เผ็ดและติดแกลม ถูกเปลี่ยนให้ดูดาร์ก ลึกลับ และน่าค้นหามากขึ้น สิ่งที่ทั้งสองมีคล้ายกันคือ เทคนิคการตัดสูทคมกริบ ซึ่ง Haider ได้นำเอาเสน่ห์ในแบบฉบับตัวเขาเองมาผสมผสานให้ซิลูเอตของชุดสูทและการตัดเย็บดูเย้ายวนมากขึ้น คอลเล็กชันนี้ได้เสียงวิจารณ์เชิงบวก หลายสำนักมองว่าเป็นคอลเล็กชันอันน่าตื่นเต้นในรอบหลายปีจาก Tom Ford การมาของเขาถึงถือเป็นการชุบชีวิตแบรนด์ให้กลับมาเป็นที่พูดถึงและเป็นที่ต้องการอีกครั้ง