แม้ว่าตลาด คริปโต จะยังคงอยู่ท่ามกลางตลาดหมี โดยราคาของคริปโตอันดับหนึ่งอย่าง Bitcoin ร่วงลงมาราว 60% ในปีนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงเพิ่มขึ้นสวนทางกับมูลค่าของตลาดคริปโตที่หายไปคือ การแฮ็กเพื่อขโมยเหรียญต่างๆ ในโลกคริปโต
ข้อมูลจาก Chainalysis Inc. ระบุว่า ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มูลค่าของเหรียญที่ถูกขโมยไปสูงถึง 718 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ความเสียหายรวมตลอดทั้งปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ จากการแฮ็กทั้งหมด 125 ครั้ง และมีโอกาสที่มูลค่ารวมของการแฮ็กทั้งปีนี้จะพุ่งทำสถิติใหม่แซงหน้าปีก่อนซึ่งอยู่ที่กว่า 3 พันล้านดอลลาร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- การอัปเกรด The Merge ของ Ethereum และทิศทางในอนาคตของเหรียญ ETH
- ทำไมเหรียญ LUNC ถึงพุ่งกว่า 425% ภายใน 14 วัน? อะไรที่อยู่เบื้องหลังการพุ่งขึ้นครั้งนี้
- ไมเคิล เบอร์รี เตือนการล่มสลายครั้งประวัติศาสตร์กำลังจะเกิดขึ้น โดยมีต้นตอจากตลาดคริปโต
เป้าหมายของการแฮ็กส่วนใหญ่คือโปรโตคอลที่เรียกว่า Decentralized Finance หรือ DeFi ซึ่งเป็นสิ่งที่เปิดให้นักลงทุนคริปโตสามารถซื้อ ขาย กู้ และปล่อยกู้ บนบัญชีดิจิทัล
สำหรับเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ถือเป็นเดือนที่โลกคริปโตถูกแฮ็กมากที่สุดในปีนี้ สะท้อนถึงความอ่อนแอด้านความปลอดภัย และช่องโหว่ในด้านต่างๆ ของ DeFi ที่จำเป็นจะต้องพัฒนาอีกมาก
สำหรับแพลตฟอร์มที่ถูกโจมตีหนักที่สุดในปีนี้คือ Ronin Network ความเสียหาย 540 ล้านดอลลาร์ รองลงมาคือ Wormhole 325 ล้านดอลลาร์ และอันดับ 3 คือ Nomad Bridge 190 ล้านดอลลาร์
และเมื่อสัปดาห์ก่อน Binance Coins จำนวน 2 ล้านคอยน์ คิดเป็นมูลค่าราว 570 ล้านดอลลาร์ ได้ถูกแฮ็กเช่นกัน โดยเหรียญที่ไม่สามารถกู้คืนกลับมาได้คิดเป็นมูลค่าราว 100 ล้านดอลลาร์
ช่วงต้นปีที่ผ่านมา Chainalysis ระบุว่า DeFi เป็นเป้าหมายหลักของการแฮ็ก พร้อมประเมินว่ากลุ่มแฮกเกอร์ในเกาหลีเหนือได้ขโมยเหรียญต่างๆ คิดเป็นมูลค่าราว 1 พันล้านดอลลาร์
อ้างอิง: