ยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF กล่าวว่า เป้าหมายรายได้ในปี 2563 จะเติบโตราว 10% จากปี 2562 ที่มีรายได้อยู่ที่ 33,000 ล้านบาท โดยมาจากการรับรู้โรงไฟฟ้าไบโอแมสกำลังผลิต 25 เมกะวัตต์ (MW) ที่จ่ายไฟเข้าระบบในช่วงเดือนมีนาคม และการจ่ายไฟฟ้าพลังงานลมที่เวียดนามเข้าระบบอีก 30 MW ในปลายปี และรับรู้รายได้แบบเต็มปีจากโรงไฟฟ้าประเภท SPP ทั้งหมด 12 แห่ง ที่เปิดดำเนินการครบแล้ว 1,563 MW รวมถึงรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าโซลาร์ที่เวียดนามที่จ่ายไฟเข้าระบบแล้ว 120 MW
ทั้งนี้ ปี 2564 คาดว่า รายได้จะเติบโตถึง 5 หมื่นล้านบาท จากการจ่ายไฟฟ้า IPP โครงการแรกเข้าระบบคือ โรงไฟฟ้า GSRC ขนาดกำลังการผลิต 2,500 MW ในปี 2565 จะจ่ายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เวียดนามขนาดกำลังการผลิต 310 MW รวมถึงโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่โอมาน 326 MW
ขณะที่ปี 2566 จะจ่ายไฟโรงไฟฟ้า IPP โครงการที่ 2 ที่ตั้งอยู่ในอำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ขนาดกำลังการผลิต 2,500 MW จนถึงปี 2568 โรงไฟฟ้าหินกองขนาดกำลังการผลิต 1,400 MW จ่ายไฟเข้าระบบครบทั้งสองแห่ง
อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งเป้าหมายปี 2568 จะมีรายได้เติบโตก้าวกระโดดขึ้นสู่ระดับ 1.4 แสนล้านบาท ตามการจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบ (COD) ของโรงไฟฟ้า IPP จำนวน 2 แห่ง กำลังผลิต 5,000 MW ได้แก่ โรงไฟฟ้า GSRC ขนาดกำลังการผลิต 2,500 MW และโรงไฟฟ้า IPP ปลวกแดง ขนาดกำลังการผลิต 2,500 MW และโครงการโรงไฟฟ้าอื่นๆ
ขณะนี้บริษัทยังคงอยู่ระหว่างหาโครงการลงทุนใหม่ๆ เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซ LNG ที่ประเทศเวียดนาม โดยโครงการดังกล่าวมีกำลังการผลิตสูงสุดจำนวนกว่า 6,000 MW รวมถึงโครงการก่อสร้างคลังจัดเก็บก๊าซ LNG ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการพิจารณาที่ทางรัฐบาลเวียดนามจะบรรจุโครงการดังกล่าวให้อยู่ในแผน PDP ของเวียดนาม คาดว่า จะมีการพิจารณาในช่วงไตรมาส 3/63
รวมถึงอยู่ระหว่างศึกษาก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่ลาวร่วมกับพันธมิตรที่ประเทศจีน ขนาดกำลังการผลิตสูงสุด 2,400 MW โดยบริษัทมีแผนที่จะเข้าถือหุ้นในสัดส่วนประมาณ 30% โดยโครงการนี้จะทำสัญญาและขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
อีกทั้งกำลังเจรจากับรัฐบาลโอมานเพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน เช่น โซลาร์ฟาร์ม และพลังงานลม ขนาดกำลังการผลิต 2,000 MW ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทมีโรงไฟฟ้าพลังงานจากก๊าซธรรมชาติที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งขายไฟให้กับโรงกลั่นน้ำมัน
ใช้งบปีนี้ 3.6 หมื่นล้านบาท เตรียมออกหุ้นกู้เพิ่ม 1 หมื่นล้านบาท ยุพาพินกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนการลงทุนในช่วง 7 ปี (2563-2569) จะมีการลงทุน 1.4 แสนล้านบาท ในปี 63 บริษัทจะใช้เงินลงทุน 3.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะแบ่งเป็นเงินลงทุนในส่วนทุนจากบริษัทประมาณ 1 หมื่นล้านบาท และเป็นเงินส่วนทุนที่บริษัทจะต้องใช้จำนวน 4 หมื่นล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนหลักๆ จะมาจากกระแสเงินสดของบริษัทในแต่ละปีที่คาดว่า จะทำได้ 1 หมื่นล้านบาท หลังจากที่โรงไฟฟ้าประเภท IPP ขนาดกำลังการผลิต 5,000 MW จ่ายไฟเข้าระบบแล้ว
นอกจากนี้ในช่วงกลางปี 2563 บริษัทเตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท เพื่อนำเงินไปใช้ลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เช่น โรงไฟฟ้าประเภท IPP จำนวน 2 แห่ง ขนาดกำลังการผลิต 5,000 MW และโครงการโครงสร้างพื้นฐานมาบตาพุดเฟส 3-มอเตอร์เวย์ รวมถึงโรงไฟฟ้าที่โอมาน และเวียดนาม
สำหรับอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1.57 เท่า ในปี 2564-2565 มีโอกาสจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 2.5-2.6 เท่า หลังจากที่บริษัทจะใช้เงินกู้เพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้า IPP และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งบริษัทมีนโยบายจะควบคุมไม่ให้เกิน 3.5 เท่า รวมถึงขณะนี้ยังไม่มีแผนเพิ่มทุน
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
เรียบเรียง: ประน้อม บุญร่วม
ติดตามข่าวสารการลงทุนเพิ่มเติมได้ที่: www.efinancethai.com