ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นของ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ฟื้นตัวกลับขึ้นมาแตะระดับ 34.75 บาท ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในรอบ 1 เดือน หลังจากที่เมื่อวานนี้ (19 เมษายน) ราคาหุ้นลดลงไปแตะระดับต่ำสุดที่ 31 บาท จากความกังวลต่อประเด็นการทำ Tender Offer หุ้น INTUCH
บล.เคทีบีเอสที ระบุว่า มีมุมมองเป็นบวกต่อ GULF หลังความเสี่ยงเรื่องเพิ่มทุนต่ำ และช่วยเพิ่มอัพไซด์ต่อกำไร โดยประเมินว่า GULF จะไม่ต้องซื้อหุ้น ADVANC เนื่องจากราคา Tender Offer ไม่ดึงดูด เพราะต่ำกว่าราคาตลาดราว 28%
จากปัจจุบัน GULF ถือหุ้น INTUCH อยู่ราว 19% คาดจะใช้เงินราว 1.3 แสนล้านบาทในการถือหุ้น INTUCH เพิ่มอีกราว 60% ซึ่งจะทำให้อัตราหนี้สินต่อทุนสุทธิอยู่ที่ระดับ 3.4 เท่า ต่ำกว่าระดับหนี้ที่ต้องรักษาไว้ไม่ให้เกิน 3.5 เท่า และหากรวมงบการเงินของ INTUCH ซึ่งมีอัตราหนี้สินต่อทุนสุทธิที่ 0.03 เท่าเข้ามาด้วย จะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนสุทธิของ GULF ลงไปต่ำกว่า 2.5 เท่า ซึ่งยังเปิดโอกาสสำหรับการขยายธุรกิจอื่นต่อไปได้อีก
ทั้งนี้คาดว่าดีลนี้จะช่วยเพิ่มอัพไซด์ให้กับกำไรปกติของ GULF อีกราว 4.5-5 พันล้านบาทต่อปี อิงจากต้นทุนจากการกู้ที่ 3% ประเมินราคาเป้าหมายที่ 40 บาท
ด้าน บล.โนมูระ พัฒนสิน มีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อยต่อข้อมูลจากการประชุมร่วมกับ GULF ชี้แจงการเข้า Tender Offer หุ้น INTUCH และ ADVANC โดยแรงกดดันเรื่องหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนที่จะเกิน Debt Covenant ในระยะสั้นลดลง หลังผู้บริหารชี้แจงว่า SINGTEL ไม่มีความต้องการขาย INTUCH และบริษัทไม่ได้ต้องการเข้าแทรกแซงการบริหาร ADVANC ส่งให้มูลค่าและทิศทางกลยุทธ์ของ ADVANC ยังไม่ได้เปลี่ยนไป ดังนั้นการซื้อ INTUCH สุทธิแล้วจะสร้างอัพไซด์ต่อกำไรและราคาเป้าหมายของ GULF และเป็นการกระจายธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้เราอยู่ระหว่างปรับประมาณการหลังผล Tender Offer ชัดเจน แต่ในระยะสั้นเราแนะนำผู้ที่รับความเสี่ยงด้านสภาพคล่องไม่ได้ให้หลีกเลี่ยงการลงทุนไปเป็นช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากที่การ Tender Offer เสร็จสิ้น และโครงการโรงไฟฟ้าระหว่างเจรจาหรือศึกษามีความคืบหน้า
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ
