ราคาหุ้น GULF พุ่ง 67% ภายใน 3 เดือน หลังบริษัทประกาศควบรวมกับ INTUCH ตั้งบริษัทใหม่ (NewCo) โบรกคาด ดันมูลค่าทะลุ 1 ล้านล้านบาท
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ประกาศควบรวมธุรกิจกับ บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) เพื่อจัดตั้งเป็นบริษัทใหม่ (NewCo) ซึ่งคาดว่ากระบวนการทั้งหมดจะเสร็จสิ้นในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2568
หลังการประกาศดังกล่าว ราคาหุ้น GULF และ INTUCH ต่างปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจนทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยราคาปรับตัวขึ้น 67% และ 50% มาแตะระดับ 70.75 บาท และ 114.50 บาท ตามลำดับ ภายในช่วงเวลา 3 เดือน
กิจพัฒน วงษ์เมตตา ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์พื้นฐาน กลุ่มพลังงานและเทคโนโลยี บล.บัวหลวง ประเมินว่า มูลค่าหุ้นของบริษัทใหม่ที่จะจัดตั้งขึ้นน่าจะสูงกว่า 1 ล้านล้านบาท จะทำให้ NewCo กลายเป็นหุ้นที่มีมูลค่ามากที่สุดอันดับ 2 ของไทยรองจาก บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA ซึ่งปัจจุบันมีมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท
ในมุมของ GULF เมื่อเปลี่ยนเป็น NewCo จะช่วยให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงจาก 1.7 เท่าเหลือ 0.9 เท่า และช่วยให้กำไรและกระแสเงินสดในแต่ละปีเพิ่มขึ้น 2 พันล้านบาท และ 5 พันล้านบาท ตามลำดับ
“การลงทุนใหม่ๆ ของบริษัทจะทำได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้เครดิตเรตติ้งก็น่าจะดีขึ้นด้วย ทำให้ต้นทุนการเงินในอนาคตต่ำลง”
ด้าน บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ในระยะเริ่มต้นของ NewCo สัดส่วนรายได้จะมาจากธุรกิจไฟฟ้า 80% และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลราว 20% ก่อนจะค่อยๆ ปรับให้เป็นอย่างละ 50% จากโอกาสเติบโตในคลาวด์และดาต้าเซ็นเตอร์
คาดทิศทางกำไรปกติของ GULF งวดไตรมาส 3 ปีนี้มีแนวโน้มปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อน กดดันจากปริมาณขายไฟฟ้าโดยรวมในกลุ่มโรงไฟฟ้า IPP หลังจากผ่านพ้นช่วงความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของประเทศไทยในช่วงฤดูร้อน ประกอบกับอัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ที่คาดว่าจะอ่อนตัวจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
อีกทั้งส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมคาดว่าจะปรับตัวลดลงอีกเล็กน้อย โดยหลักๆ เป็นผลมาจากการเข้าสู่ช่วง Low Season ของกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานลม BRK2 กำลังการผลิต 1,163 เมกะวัตต์ ที่ประเทศเยอรมนี ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม INTUCH คาดว่าจะยังสามารถประคองตัวได้ใกล้เคียงในระดับเดิมตามการรับรู้ผลประกอบการ ADVANC ที่คาดว่าจะมีรายได้จากการขายและบริการที่ดีขึ้น แต่จะถูกหักล้างจากค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารที่สูงขึ้นตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม คาดว่าทิศทางกำไรปกติในช่วงไตรมาส 4 ของ GULF จะเห็นการฟื้นตัวขึ้นและทำระดับสูงสุดรายไตรมาสเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง โดยได้รับแรงหนุนจากการรับรู้โครงการ GPD เฟส 4 กำลังการผลิต 463.8 เมกะวัตต์ ที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ตามแผนเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา