จากกรณีที่บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือ ITV ได้เปิดเผยรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นที่ผ่านมา ซึ่งมีบางส่วนที่ไม่ตรงกับคลิปวิดีโอบันทึกการประชุม จนล่าสุด คิมห์ สิริทวีชัย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ได้ออกเอกสารแจ้งถึงกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แจ้งกรณีที่เป็นข่าวของ ITV ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 52.92%
เอกสารดังกล่าวระบุว่า จากข่าวที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ เกี่ยวข้องกับการประชุมผู้ถือหุ้นของ ITV ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นที่สนใจต่อสาธารณชนจำนวนมากในขณะนี้ ทางบริษัทได้รับทราบข้อมูลและได้ให้ทางคณะกรรมการและฝ่ายจัดการของ ITV ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าวที่เกิดขึ้น และหากมีประเด็นใดๆ ที่จะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ทาง ITV จะดำเนินการให้เร็วที่สุด เพื่อให้มีความโปร่งใสเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลและกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ขณะที่ราคาหุ้นในเครือ INTUCH ทั้งหุ้นของ INTUCH เอง ลดลง 2% ในช่วงเช้านี้ และหุ้นของบริษัทในเครือที่ INTUCH ถือหุ้นอยู่ ได้แก่ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM ลดลง 3.3% เช่นเดียวกัน บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ลดลง 0.9% ส่วนหุ้นของบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ INTUCH ราคาลดลง 1.7%
ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า การปรับตัวลงของราคาหุ้นในระยะสั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่นักลงทุนบางส่วนอาจขาย เพื่อตัดความเสี่ยงก่อนที่จะมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นข่าวดังกล่าว ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นนี้จะเป็นมิติในเรื่องของ ESG มากกว่าเรื่องของปัจจัยพื้นฐาน
อย่างไรก็ตาม จะเห็นว่าราคาหุ้นของ GULF และ INTUCH ค่อนข้างจะ Underperform อยู่ก่อนหน้าที่จะมีประเด็นในเรื่องของ ITV เนื่องจากความเชื่อมโยงกับทุนใหญ่และการเมือง
“ต่อให้ไม่มีประเด็นนี้ (ITV) ด้วยภาวะสุญญากาศทางการเมือง หุ้นเหล่านี้ก็อยู่ในภาวะ Overhang อยู่แล้วด้วยเช่นกัน GULF ก็มีประเด็นเกี่ยวกับไฟฟ้า ส่วน INTUCH มี GULF ถือหุ้น และยังถือหุ้น ADVANC ที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่เป็นตลาดผู้ขายน้อยราย (Oligopoly)”
หลังจากนี้คงต้องติดตามว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร ส่วนแรงขายของนักลงทุนสถาบันที่ถือหุ้นเหล่านี้อยู่อาจจะยังไม่ได้ออกมาทันทีในช่วงแรก แม้ว่าในระยะหลังจากมีการพูดถึงเรื่องการลงทุนที่สอดคล้องกับหลัก (ESG Investment) กันมากขึ้น ทำให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บางแห่ง ตั้งกองทุนที่โฟกัสการลงทุนในส่วน ESG เป็นพิเศษ
“อาจเป็นไปได้ว่ากองทุนเหล่านี้ถ้ามีบริษัทเหล่านี้อยู่อาจลดน้ำหนักลงได้ แต่ในไทยเข้าใจว่ากองทุน ESG อาจจะไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก และกองทุนต่างๆ อาจรอพิสูจน์ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นไม่คิดว่าในแง่การลงทุนผ่าน ESG จะเห็นการลงโทษหุ้นโดยทันที”
