×

GULF – 1Q66 กำไรปกติยังเพิ่มขึ้น YoY

16.05.2023
  • LOADING...
GULF

เกิดอะไรขึ้น:

เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2566 บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) รายงานกำไรสุทธิ 1Q66 อยู่ที่ 3.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.4%YoY แต่ลดลง 28.8%QoQ เพราะกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลงมาก กำไรสุทธิดีกว่าตลาดคาดเล็กน้อย โดยกำไรปกติเพิ่มขึ้น 12.6%YoY และ 2.1%QoQ สู่ 3.7 พันล้านบาท จากการดำเนินงานอย่างเต็มรูปแบบของโรงไฟฟ้า GSRC 

 

โดยหน่วยสุดท้ายของโรงไฟฟ้าแห่งนี้เปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์ในเดือนตุลาคม 2565 ซึ่งถูกลดทอนโดยกำไรที่ลดลงจากธุรกิจพลังงานหมุนเวียนจากการจำหน่ายเงินลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง BKR2 ออกไปบางส่วน 

 

กำไรของธุรกิจ SPP ก็เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาขายสูงขึ้น (เพิ่มขึ้น 47%YoY และ 15%QoQ) จากการปรับค่า Ft ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมได้แรงหนุนจากส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH และธุรกิจโรงไฟฟ้าในโอมาน แต่ถูกลดทอนโดยกำไรที่ลดลงของ GJP เนื่องจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง

 

ด้านปริมาณการขายไฟฟ้าสำหรับโรงไฟฟ้าทั่วไปเพิ่มขึ้น 19%YoY และ 17%QoQ สู่ระดับที่ทำสถิติสูงสุดที่ 4,963 GWh เนื่องจากกำลังการผลิตทั้งหมดของโครงการโรงไฟฟ้า GSRC เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว และความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ปริมาณการขายไฟฟ้าให้ลูกค้าอุตสาหกรรมก็เพิ่มขึ้น 2.5%QoQ จากช่วงโลว์ซีซันใน 4Q65 

 

แม้ว่ายังคงลดลง 4.6%YoY กำไรจากธุรกิจ SPP ก็ปรับตัวดีขึ้น เพราะราคาขายสูงขึ้น (เพิ่มขึ้น 46.6%YoY และ 15.3%QoQ) หลังจาก กกพ. ปรับค่า Ft เพิ่มขึ้นจาก 0.9343 บาทต่อ kWh สู่ 1.5492 บาทต่อ kWh สำหรับงวดเดือนมกราคม-เมษายน 2566 นอกจากนี้ต้นทุนก๊าซของธุรกิจ SPP ก็ลดลง 2.5%QoQ แม้ว่ายังคงเพิ่มขึ้น 12.4%YoY

 

ขณะที่รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนลดลง 76.4%YoY และ 78.9%QoQ หลังจากการขายเงินลงทุนบางส่วนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล BKR2 ทำให้ GULF เปลี่ยนมารับรู้เป็นส่วนแบ่งกำไรจากการร่วมค้า เนื่องจากบริษัทยังคงถือหุ้น 25% ในโครงการนี้ ซึ่งยังคงสร้างส่วนแบ่งกำไร 153 ล้านบาท ใน 1Q66 กำไรของบริษัทย่อยอื่นๆ ที่ประกอบธุรกิจพลังงานหมุนเวียนยังอยู่ในระดับทรงตัว QoQ

 

ส่วนแบ่งกำไรโดยรวมจากบริษัทร่วมและการร่วมค้าเพิ่มขึ้น 16.7%YoY หนุนโดย INTUCH และโครงการในโอมาน แต่ลดลง 16.8%QoQ เพราะกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ส่วนแบ่งกำไรปกติปรับตัวดีขึ้น 14.2%YoY และ 27.9%QoQ แม้ว่ากำไรของ GJP ลดลง 30.9%YoY เนื่องจากต้นทุนพลังงานของธุรกิจ SPP เพิ่มขึ้น 

 

กระทบอย่างไร:

วันนี้ (16 พฤษภาคม) ณ เวลา 12.30 น. ราคาหุ้น GULF ไม่เปลี่ยนแปลง DoD ที่ระดับ 48.00 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 0.05%DoD อยู่ที่ระดับ 1,540.67 จุด 

 

แนวโน้มผลประกอบการปี 2566:

กำไร 2Q66 ของ GULF จะได้รับการสนับสนุนจากโรงไฟฟ้า IPP อีกหนึ่งแห่ง คือ GPD ซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 2,650 MW หน่วยแรกของโรงไฟฟ้าแห่งนี้ (662.5 MW) เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วในเดือนมีนาคม 2566 และจะเปิดดำเนินการอีกหน่วยในเดือนตุลาคม 2566 กำลังการผลิตเพิ่มเติมในโอมาน (Duqm SEZ) จะทยอยเปิดดำเนินการในปี 2566 (หลังจากเริ่มเดินเครื่องด้วยกำลังการผลิตเริ่มต้น 40 MW ในช่วงปลายปี 2564) จนถึง 326 MW 

 

นอกจากนี้ ส่วนแบ่งกำไรจาก Jackson Generation ก็จะเพิ่มขึ้น QoQ โดยเกิดจากการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มไตรมาส เทียบกับขาดทุน 88 ล้านบาท ใน 1Q66 ส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH จะช่วยสนับสนุนกำไรปี 2566 อย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนจากส่วนแบ่งกำไรที่มีเสถียรภาพปีละ 4-5 พันล้านบาท

 

อย่างไรก็ดี InnovestX Research คงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่งของ GULF และคงเรตติ้ง Outperform ด้วยราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี DCF ไว้ที่ 63 บาทต่อหุ้น โดยคาดว่าปี 2566 กำไรสุทธิจะเติบโต ~40%YoY สู่ระดับ 1.5 หมื่นล้านบาท

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือ 

 

  1. ผลตอบแทนจากการลงทุนในโครงการใหม่ต่ำกว่าคาด แต่ผลงานที่ดีเยี่ยมของ GULF ในการพัฒนาโครงการให้แล้วเสร็จตามกำหนดและเป็นไปตามงบประมาณที่วางไว้จะช่วยลดความเสี่ยงนี้ 

 

  1. ยอดขายไฟฟ้าและไอน้ำของโครงการโรงไฟฟ้า SPP ให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรม อาจได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอและต้นทุนเชื้อเพลิงสูง และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศที่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X