ต้องมีช่วงเวลาหนึ่งที่คนเราอยากดื่มเหล้าเพื่อเฉลิมฉลองหรือปลอบประโลมให้กับอะไรสักอย่างในชีวิต และการที่คุณรักสุขภาพก็ไม่ได้หมายความคุณจะโดนตัดสิทธิ์นั้น อันที่จริงแอลกอฮอล์ไม่ได้เป็นวายร้ายทำลายสุขภาพอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่การดื่มที่ ‘มากเกินไป’ ต่างหากที่ทำลายสุขภาพ ดังนั้นหากคุณจะดื่มเหล้าก็ต้องมั่นใจว่าเลือกได้ดีและดื่มในปริมาณที่เหมาะสม หุ่นที่ฟิตมาทั้งปีจะได้ไม่พังแค่เพราะช่วงเทศกาล และสุขภาพจะได้ไม่เสียเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์
เลือกเหล้าให้เป็น
คุณจะแปลกใจเมื่อรู้ว่าค็อกเทลหนึ่งแก้วมีพลังงานสูงถึง 700-800 แคลอรี เช่น ลองไอส์แลนด์ไอซ์ที หรือแซงเกรีย และสิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่เพราะปริมาณเหล้า หากแต่เป็นปริมาณน้ำตาลที่สูงกว่าน้ำอัดลมเสียอีก ดังนั้นพยายามหลีกเลี่ยงค็อกเทลที่มีส่วนผสมเกิน 3 อย่างเพราะยิ่งเยอะ แคลอรียิ่งมากตามมา
เลี่ยง
แนะให้บอกลาค็อกเทลที่ใส่เหล้าผสมมิกเซอร์ที่มีน้ำตาลมากอย่างรัมแอนด์โค้ก วอดก้าแครนเบอรี่ วอดก้าผสมเครื่องดื่มชูกำลัง รวมถึงค็อกเทลไทยๆ ที่สมัยนี้นิยมใช้น้ำตาลสดหรือน้ำมะพร้าว เพราะน้ำผลไม้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำผลไม้กล่องหรือคั้นสดล้วนมีปริมาณน้ำตาลที่สูงมาก เช่นเดียวกับค็อกเทลที่มาเป็นเกล็ดน้ำแข็ง เช่น มาการิต้าปั่นในแก้วทรงสูง หรือพิน่าโคลาด้าที่อุดมด้วยน้ำตาล หรือจะกามิกาเซ่สีฟ้า เลี่ยงได้ควรสั่งอย่างอื่น
เลือก
ตัวเลือกที่ดีได้แก่ แชมเปญซึ่งมีราวๆ 90 แคลอรี ไวน์แดงและไวน์ขาวเพราะมีเพียง 120 แคลอรีต่อแก้วมาตรฐาน มีคาร์โบไฮเดรต 5-6 กรัม และที่สำคัญยังมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งนักโภชนาการชื่อดังอลัน อารากอน (Alan Aragon) เคยศึกษาเรื่องนี้โดยให้ระหว่างการไดเอต คนกลุ่ม A ดื่มไวน์ขาวหนึ่งแก้วทุกวัน ในขณะที่กลุ่ม B ดื่มน้ำองุ่น ผ่านไปสามเดือน ผลปรากฏว่ากลุ่ม A ลดน้ำหนักตัวได้มากกว่า ถึงแม้ผลการศึกษาไม่ได้บอกเหตุผลชัดเจน แต่ก็ทำให้เห็นว่าการดื่มไวน์ในปริมาณที่เหมาะสมไม่ได้ทำให้อ้วนขึ้นเมื่อเทียบกับน้ำองุ่น (ที่คนยังเข้าใจว่าเป็นอาหารสุขภาพ) หากเป็นสายเข้มการดื่มวิสกี้ออนเดอะร็อก ก็ช่วยลดปริมาณแคลอรีต่อแก้วได้ เพราะมีเพียง 64 แคลอรีเท่านั้น ส่วนคาร์โบไฮเดรตแทบไม่มี
ดังนั้นควรเลือกเครื่องดื่มให้สั้นกระชับที่สุด เช่น จินหรือวอดก้าผสมโซดาบีบมะนาว (แทนที่จะใส่โทนิกที่มีน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตสูง) เตกีลาใส่โซดาบีบมะนาว (หรือที่เรียกว่ามาการิต้าเวอร์ชันผอมนั่นเอง) หรือจะวิสกี้ผสมโซดาที่นักดื่มอาจติงว่าทำให้รสชาติเหล้าเสีย แต่ก็ยังดีกว่าหุ่นพัง เพียงแต่อย่าผสมกับน้ำอัดลมแล้วกัน
สำหรับการดื่มเบียร์อาจจะซับซ้อนหน่อย เพราะเบียร์สูตรปกติ (150 แคลอรี) ย่อมมีปริมาณแอลกอฮอล์และแคลอรีสูงกว่าสูตรไลต์ (105 แคลอรี) แต่โอกาสที่คุณจะดื่มไลต์มากกว่าก็สูงมากเช่นกัน เพราะด้วยรสชาติอันเบาบางจากเดิมดื่มแค่ 3 กระป๋องมีตึง แต่สำหรับไลต์เบียร์ดื่มไป 5-6 กระป๋องยังไม่รู้สึกอะไร คำนวณแล้วปริมาณแคลอรีและคาร์โบไฮเดรตที่เข้าสู่ร่างกายเยอะกว่าสูตรปกติอีก แต่ไลต์เบียร์จะเวิร์กกว่าในกรณีที่คุณสามารถหยุดตัวเองได้เพียง 1-2 กระป๋อง (คำถามคือคุณทำได้ไหมล่ะ?)
อาหารก็มีส่วน
นอกจากเรื่องชนิดของเหล้าแล้ว อาหารก็สำคัญเช่นกัน เพราะหลายครั้งที่แอลกอฮอล์ทำให้ความยับยั้งชั่งใจต่ำ ตัดสินผิด หรือกินในสิ่งที่ปกติไม่คิดจะกิน เช่น เฟรนช์ฟรายส์ ข้อไก่ทอด แหนมทอด ข้าวเกรียบทอด (สังเกตว่ากับแกล้มมักเป็นของทอดๆ มันๆ) สั่งพิซซ่ามากินตอนตีสอง ผับปิดต่อด้วยข้าวต้ม แวะเข้า 7-Eleven หรือหัวจะถึงหมอนอยู่แล้ว แต่ขอลุกไปต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสักชาม เหล่านี้คือตัวการที่ทำให้คุณน้ำหนักตัวขึ้นและบวมอืดในวันรุ่งขึ้น (ก็อาหารที่ว่ามาโซเดียมทั้งนั้น)
ทางแก้ที่เราแนะนำ
- ให้กินข้าวไปให้พร้อม อัดไปให้แน่น เน้นโปรตีนและผักใบ และบอกตัวเองว่าคืนนี้เราจะไม่แตะกับแกล้มบนโต๊ะเด็ดขาด เพราะเราเลือกแล้วที่จะดื่ม! (ค็อกเทลสองแก้วมีค่าเท่าพิซซ่าหนึ่งชิ้นนะรู้ไหม)
- นอกจากนั้นให้คุณดื่มค็อกเทลหนึ่งแก้วสลับกับน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว ไม่ต้องรีบสั่งเหล้ามาเพิ่ม
- อย่าลืมบอกพนักงานเสิร์ฟว่าไม่ต้องรินไวน์ในแก้วให้เมื่อเห็นว่าพร่อง พร้อมเมื่อไรจะเรียกมาเติมเอง
นี่คือวิธีที่ช่วยให้คุณลดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ ลดแคลอรีที่เอาเข้าร่าง รวมถึงช่วยให้คุณสร่างเมาและบรรเทาอาการแฮง แถมยังได้สนุกกับคนรอบข้างแบบไม่พังอีกด้วย
รักษากิจวัตรประจำวันที่ทำอยู่
ไม่ใช่ว่าช่วงเทศกาลจะเป็นข้ออ้างให้คุณไม่ออกกำลังกาย เพราะการรักษาความต่อเนื่องคือเคล็ดลับของการรักษาหุ่นได้อย่างเห็นผล ดังนั้นหากคุณไม่อยากน้ำหนักตัวขึ้นในสองสัปดาห์ อย่าหยุดออกกำลังกาย เรารู้ว่ามันโหดกับการที่ต้องตื่นมาวิ่งหรือสควอตในสภาพซอมบี้ แต่จงทำต่อไป เพราะวันหนึ่งคุณจะคิดได้เองว่าเป้าหมายของคุณคืออยากผอมและมีสุขภาพที่ดี เมื่อนั้นคุณจะดื่มลดลงเอง หรืออย่างน้อยก็ดื่มแค่พอเป็นกระษัย
อ้างอิง: