ส่องตลาดคริปโต ‘ขาลง’ รอบนี้ ใครบ้างที่ไม่รอด!

การร่วงลงของตลาดคริปโตเคอร์เรนซี นอกจากจะทำให้ปริมาณการซื้อขายและมูลค่าตลาดลดลงแล้ว เหตุการณ์หลายอย่างยังได้ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของตลาดอย่างต่อเนื่อง ผลกระทบที่ลุกลามในตลาดคริปโตอาจทำให้บริษัทหลายแห่งต้องล้มละลาย แต่ก็เป็นโอกาสสำหรับบางบริษัทในการขยายธุรกิจด้วย วันนี้ THE STANDARD WEALTH ได้รวบรวมข้อมูลว่าบริษัทใดมีแวว ‘รอด’ หรือ ‘ร่วง’ บ้าง

ตลาดหมีส่งผลลุกลามทั้งตลาดคริปโต

ตลาดคริปโตเริ่มเคลื่อนไหวขาลงตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2022 จากนั้นก็เริ่มมีข่าวร้ายถาโถมเข้ามาไม่หยุดยั้ง เริ่มมาจากการล่มสลายของ LUNA-UST ทำให้เกิดผลกระทบลุกลามในตลาดคริปโตในวงกว้าง

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (29 มิถุนายน) Three Arrows Capital (3AC) กองทุนเฮดจ์ฟันด์คริปโตชื่อดัง ได้รับคำสั่งจากศาลในหมู่เกาะบริติชเวอร์จินให้ล้มเลิกกิจการคริปโต หลังจากที่เมื่อต้นสัปดาห์ Voyager Digital ได้แจ้งว่าทาง 3AC ผิดนัดการชำระหนี้ ซึ่งประกอบด้วย Bitcoin จำนวน 15,250 BTC และ USD Coin อีกจำนวน 350 ล้าน USDC โดยมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 660 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เหตุผลที่ทาง 3AC ต้องเจอกับวิกฤตหนี้ ก็เพราะบริษัทลงทุนในเครือข่าย Terra จนขาดทุนมหาศาลนั่นเอง

Three Arrows Capital ได้รับเงินกู้จากผู้ปล่อยกู้หลายราย รวมถึง Celsius, FTX, BlockFi, BitMEX และ Nexo และขณะนี้บริษัทเหล่านี้ต่างก็ประสบกับปัญหาอย่างหนัก

รายงานจาก The Wall Street Journal (WSJ) เปิดเผยว่า Celsius ดำเนินการโดยมีสัดส่วนสินทรัพย์ต่อทุน (Assets-to-Equity Ratio) อยู่ที่ 19 ต่อ 1 ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงสูงมาก เนื่องจากบริษัทเกี่ยวข้องกับการใช้เลเวอเรจในคริปโตและการปล่อยเงินกู้ Eric Budish นักเศรษฐศาสตร์ที่เชี่ยวชาญด้านคริปโตจากคณะวิชาธุรกิจของ University of Chicago กล่าวว่า “การดำเนินงานของ Celsius คล้ายกับบริษัทการเงินในช่วงก่อนฟองสบู่ที่อยู่อาศัยในปี 2008”

Genesis Trading เป็นอีกบริษัทที่กำลังประสบกับการขาดทุนครั้งใหญ่ นอกเหนือจากความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับ 3AC แล้ว Genesis เจอปัญหากับคู่สัญญาที่ไม่สามารถหาเงินมาใช้ Margin Call ได้ ซึ่งบริษัทกำลังบรรเทาความสูญเสียและเดินหน้าต่อไปด้วยการป้องกันความเสี่ยง

BlockFi เป็นอีกบริษัทได้รับผลกระทบโดมิโนจาก 3AC เมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา บริษัทได้ล้างพอร์ตลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่งไป ซึ่งได้รับการเปิดเผยในภายหลังว่าเป็น 3AC นอกจากนี้ BlockFi ยังประสบปัญหาสภาพคล่อง เนื่องจากหุ้น Grayscale Bitcoin Trust (GBTC) ที่ถือครองลดลงอย่างมาก

ทางด้านเว็บเทรดคริปโตก็เจอกับความท้าทายในช่วงตลาดขาลงเช่นกัน บริษัทจำนวนมากได้ประกาศปลดพนักงาน Coinbase แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตยักษ์ใหญ่ ประกาศลดพนักงานถึง 1,100 ตำแหน่ง, crypto.com เว็บเทรด Upbit ได้ปลดพนักงานออกถึง 30% โดยอ้างถึงรายได้ที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ทางด้าน Gemini, Bitso, Buenbit และ Mercado Bitcoin ก็ลดจำนวนพนักงานด้วยเช่นกัน

ผู้อยู่รอดในตลาดหมีครั้งนี้

Sam Bankman-Fried ซีอีโอของ FTX ได้ให้สัมภาษณ์กับ Forbes ว่าจะมีบริษัทคริปโตจำนวนมากที่ใกล้จะผิดนัดการชำระหนี้ ผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ทางการเงิน และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก Sam กล่าวเพิ่มเติมว่าโดมิโนเอฟเฟกต์กำลังจะตามมาในอีกไม่ช้า

อย่างไรก็ตาม มีข่าวลือว่า FTX กำลังเจรจาเพื่อซื้อ BlockFi ที่กำลังประสบปัญหาสภาพคล่องในขณะนี้ ก่อนหน้านี้เว็บเทรด FTX ทุ่มเงินลงทุนจำนวนมากเพื่อซื้อ LedgerX บริษัทแลกเปลี่ยนอนุพันธ์ของสหรัฐฯ รวมถึง Liquid เว็บเทรดคริปโตของญี่ปุ่น และ Good Luck Games บริษัทพัฒนาเกม ซึ่งแสดงให้เห็นว่า FTX ไม่ได้รับผลกระทบจากตลาดขาลงในครั้งนี้

ทางด้าน Changpeng Zhao (CZ) ซีอีโอของ Binance เว็บเทรดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก็ถูกจับตามองอย่างมาก เนื่องจากบริษัทมีเงินทุนจำนวนมหาศาล CZ ได้เปิดเผยว่า เขาได้รับข้อเสนอให้ช่วยเหลือบริษัทคริปโตมากมายที่ประสบปัญหา แต่ไม่ใช่ทุกบริษัทที่สมควรได้รับการช่วยเหลือ ซึ่งกำลังดูข้อเสนอประมาณ 50-100 รายการ นอกจากนี้ทาง Binance กำลังจะเพิ่มการจ้างงานมากกว่า 2,000 ตำแหน่งทั่วยุโรป เอเชีย อเมริกาใต้ และตะวันออกกลาง โดยมองช่วงเวลานี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม

บริษัทอื่นๆ ที่ยังคงขยายธุรกิจ ได้แก่ Kraken ที่กำลังจะจ้างพนักงานเพิ่มอีก 500 ตำแหน่ง, ConsenSys กำลังขยายตลาดโดยเปิดรับสมัครงานกว่า 125 ตำแหน่ง รวมถึง Polygon, Chainlink Labs, Aave และ Uniswap Labs ที่ยังคงจ้างพนักงานเพิ่มอีกจำนวนมาก

อ้างอิง:

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP