Grayscale Investments บริษัทจัดการสินทรัพย์สกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ยื่นแถลงต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของสหรัฐอเมริกา โดยเรียกร้องให้หน่วยงานกำกับอนุมัติกองทุนบิทคอยน์ ETF ทั้งหมดพร้อมกัน เพื่อความยุติธรรมและเป็นระเบียบ ท่ามกลางการแข่งขันยื่นจัดตั้งกองทุนบิทคอยน์ ETF ที่ร้อนระอุ
Grayscale เผยแพร่จดหมายที่ยื่นต่อ ก.ล.ต. สหรัฐฯ เกี่ยวกับกองทุนบิทคอยน์ ETF
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัทจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลยักษ์ใหญ่ Grayscale ได้ส่งจดหมายไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของสหรัฐฯ เกี่ยวกับการยื่นขอจัดตั้งกองทุนบิทคอยน์ ETF จากบริษัทต่างๆ รวมถึง Grayscale Bitcoin Trust (GBTC) ด้วย
Craig Salm ผู้บริหารฝ่ายกฎหมายของ Grayscale โต้แย้งว่า สำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐฯ ไม่ควรเลือกผู้ชนะและผู้แพ้ในการจัดตั้งกองทุนครั้งนี้ และควรตัดสินใจอย่างยุติธรรมและเป็นระเบียบเรียบร้อยแทน หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการยื่นคำร้อง 8 ฉบับจากบริษัทต่างๆ รวมถึงยักษ์ใหญ่ด้านกองทุนอย่าง BlackRock ด้วย Craig กล่าวเพิ่มเติมว่า หน่วยงานกำกับควรอนุมัติกองทุนบิทคอยน์ ETF พร้อมกันทั้งหมด เพื่อป้องกันความได้เปรียบของกองทุนที่ได้รับการอนุมัติก่อนบริษัทที่ยื่นคำร้องขอจัดตั้งกองทุนบิทคอยน์ ETF ไปก่อนหน้านี้ ได้แก่ Invesco, BlackRock, Valkyrie, VanEck, Wisdom, Fidelity และ ARK Invest
โอกาสที่ต้องเดิมพันสูงของ Grayscale
การอนุมัติกองทุนบิทคอยน์ ETF จะเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญต่ออุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่ง Grayscale ต้องการจะเปลี่ยน Grayscale Bitcoin Trust (GBTC) ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนนับล้าน ไปเป็น Bitcoin ETF อย่างไรก็ตาม สำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐฯ ได้ปฏิเสธคำขอของ Grayscale ในการเปลี่ยนแปลง GBTC เป็น Bitcoin ETF เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้บริษัทจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลฟ้องหน่วยงานกำกับดูแล โดยกล่าวว่า มีการกระทำโดยพลการโดยไม่ใช้การปฏิบัติที่สอดคล้องกันกับสินทรัพย์การลงทุนที่คล้ายกัน
ความร้อนแรงอันเนื่องมาจากบริษัทมากมายต้องการขอจัดตั้งกองทุนบิทคอยน์ ETF ทำให้เกิดข้อโต้เถียงกันว่า การอนุมัติกองทุนบิทคอยน์ ETF หลายตัวพร้อมกันจะนำไปสู่ตลาดที่อิ่มตัวมากเกินไป หรือจะกระตุ้นการแข่งขันและนวัตกรรมซึ่งเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนในท้ายที่สุดกันแน่
ชุมชนคริปโตบางส่วนยังมีความกังวลเพิ่มขึ้นเช่นกันว่า การพัฒนานี้อาจนำไปสู่การรวมศูนย์ (Centralized) ของบิทคอยน์ ซึ่งสวนทางกับจรรยาบรรณของมัน โดยสิ่งนี้น่าจะเป็นความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดที่เกี่ยวข้องกับกองทุนบิทคอยน์ ETF นอกจากนี้ กองทุนบิทคอยน์ ETF ทำให้ประตูสำหรับการลงทุนในบิทคอยน์ทางอ้อมเปิดกว้าง ซึ่งบุคคลที่สามสามารถควบคุมเงินทุนอย่างสมบูรณ์ เนื่องจากนักลงทุนไม่ได้เป็นผู้ถือกุญแจอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม ข้อดีของมันคือ นักลงทุนที่อยู่ในอุตสาหกรรมการเงินแบบดั้งเดิมจะได้รับประสบการณ์ในตลาดคริปโต และสามารถลงทุนในบิทคอยน์ได้โดยไม่จำเป็นต้องถือครองเหรียญโดยตรง ดังนั้น จึงเป็นช่องทางสำหรับการซื้อ-ขายที่ง่ายดายในนักลงทุนทั่วไป
การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น
อ้างอิง:
