บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จํากัด (มหาชน) หรือ Grammy ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการมีมติให้นำบริษัทในกลุ่มบริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จํากัด (ONE) ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้าของบริษัทฯ แยกออกมาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชน เป็นการทั่วไปครั้งแรก (IPO) และนําหุ้นสามัญของบริษัทในกลุ่มบริษัท เดอะวัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จํากัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยสัดส่วนหุ้นที่จะเพิ่มทุนเป็นจํานวนร้อยละ 20 ของทุนชําระแล้วทั้งหมดของ ONE ภายหลังการเพิ่มทุน
ก่อนหน้านี้ในช่วงไตรมาส 4 ทางแกรมมี่เพิ่งขายหุ้นทั้งหมดที่มีอยู่ 50% ในบริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล โฮลดิ้ง จํากัด ในราคา 1,200,000,000 บาท ให้กับ เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ ซึ่งกลุ่มบริษัทที่ได้มาประกอบด้วย หุ้นในบริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล จํากัด ซึ่งดำเดินธุรกิจช่อง GMM25 บริษัท คอนเทนต์ แอนด์ อาร์ตติสท์ เน็ตเวิร์ค จํากัด, บริษัท เอ-ไทม์ ทราเวิลเลอร์ จํากัด นอกจากนี้ยังได้สิทธิในการทําการตลาดการดําเนินการช่อง 25 เป็นระยะเวลา 8 ปี 4 เดือนอีกด้วย
- อ่านเพิ่มเติม: ไขทุกปมจากปาก ‘บอย ถกลเกียรติ’ ถึงการใช้เงิน 2.2 พันล้าน เข้าซื้อ ‘จีเอ็มเอ็ม แชนแนล โฮลดิ้ง’ (https://thestandard.co/takonkiet-viravan-spend-2-point-2-billion-dollars-to-buy-gmm-channel-holding/)
นอกจากนี้ยังพิจารณาอนุมัติแนวทางดําเนินธุรกิจ และการป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างกลุ่มบริษัทฯ และกลุ่มบริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จํากัด ในอนาคตคือ แกรมมี่จะไม่มีนโยบายขยายธุรกิจเพิ่มเติมในธุรกิจที่ระบุให้ ONE เป็นแฟลกชิปของกลุ่ม และจะให้ความร่วมมือในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในการดําเนินการตามที่จําเป็น เพื่อให้ ONE สามารถแสดงได้ว่ามีกลไกการจัดการเพื่อป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของสํานักงาน ก.ล.ต. เช่น การกําหนดให้บริษัทย่อยเข้าทําข้อตกลงใดๆ กับ ONE เพื่อลดหรือขจัดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ เป็นต้น
สำหรับ บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จํากัด นั้น ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ซึ่งประกอบ ธุรกิจผลิตคอนเทนต์ที่มุ่งเน้นการออกอากาศผ่านช่องทางโทรทัศน์ในระบบดิจิทัลทีวี โดยมีทุนจดทะเบียน 3,810,000,000 บาท
ในแง่ของผลประกอบการพบว่า ปี 2562 มีรายได้ 2,773.03 ล้านบาท กำไร 178.39 ล้านบาท และปี 2563 มีรายได้ 3,215.10 ล้านบาท กำไร 633.90 ล้านบาท
มีการระบุว่า เงินที่ได้จากการ IPO นั้นจะถูกนำไปใช้ในการขยายธุรกิจของ ONE ในอนาคต ชําระเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดําเนินงานของ ONE
ภายหลังการ IPO สัดส่วนการถือหุ้นจะเปลี่ยนไปคือ บริษัท ประนันท์ภรณ์ จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจในกลุ่มปราสาททองโอสถสัดส่วนการถือหุ้นจะลดลงจาก 50% เป็น 40% แกรมมี่ จาก 31.27% เป็น 25.02% กลุ่มของถกลเกียรติ วีรวรรณ จาก 18.73% เป็น 5.67% บริษัท ซีเนริโอ จาก 11.64% เป็น 9.31 และประชาชนทั่วไปจะถือหุ้นในสัดส่วน 20%
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์