บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY เปิดผลประกอบการของบริษัทในปี 2562 พบมีรายได้รวมทั้งสิ้น 6,640 ล้านบาท ลดลง 344 ล้านบาท หรือราว 4.9% จากปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ 342 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 326 ล้านบาท หรือ 2,115%
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทยังเห็นชอบให้นำเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 28 เมษายน 2563 นี้ เพื่ออนุมัติจ่ายเงินปันผลเพิ่มอัตราหุ้นละ 0.20 บาท คิดเป็นเงินราว 164 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับที่จ่ายปันผลระหว่างกาลไปเมื่อกันยายน 2562 ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท เท่ากับว่าบริษัทจะอนุมัติจ่ายปันผล 90% ของกำไรสุทธิประจำปี คิดเป็นหุ้นละ 0.30 บาท
ปัจจุบัน ธุรกิจเพลงทั้งการจำหน่ายสินค้าเพลง, ดิจิทัลมิวสิก, การจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์, ธุรกิจโชว์บิซ, ธุรกิจบริหารศิลปิน และธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียมฟรีทูแอร์ช่องแฟนทีวี มีรายได้รวมทั้งหมด 4,014 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 61% ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งเติบโตขึ้น 7% จากปีที่แล้ว โดยเป็นผลจากการเติบโตของธุรกิจโชว์บิซ ธุรกิจดิจิทัลมิวสิก และการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์
ส่วนธุรกิจการลงทุนในบริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด และบริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล โฮลดิ้ง จำกัด ถูกจัดประเภทเป็นเงินลงทุนในการร่วมค้า ดังนั้น ข้อมูลทางการเงินของธุรกิจดิจิทัลทีวี 2 ช่องและธุรกิจวิทยุ จึงปรากฏในรายการส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในการร่วมค้า โดยปี 2562 มีส่วนแบ่งขาดทุนจากการร่วมค้าเท่ากับ 10 ล้านบาท น้อยกว่าปีก่อนที่ขาดทุนถึง 150 ล้านบาท
ขณะที่ธุรกิจเทรดดิ้งที่จำหน่ายสินค้าของแกรมมี่ ‘OShopping’ มีรายได้ 1,694 ล้านบาท ลดลง 27% จากปีก่อน เป็นผลจากการมีผู้ประกอบการรายใหม่เข้าสู่
ตลาดเพิ่มขึ้น ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัว ส่วนธุรกิจจัดจำหน่ายกล่องรับสัญญาณดาวเทียม GMM Z มีรายได้ 280 ล้าน เติบโตขึ้น 16% จากปีก่อน
ด้านธุรกิจภาพยนตร์ในปี 2562 แกรมมี่มีภาพยนตร์เข้าฉาย 3 เรื่องคือ Friend Zone ระวัง..สิ้นสุดทางเพื่อน, ตุ๊ดซี่ส์ แอนด์ เดอะเฟค และ ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ มีรายได้ Box Office รวม 289 ล้านบาท เมื่อรวมรายได้จากช่องทางอื่น ส่งผลให้รายได้รวมทั้งหมดจากธุรกิจภาพยนตร์ในปีนี้อยู่ที่ 465 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 11%
บุษบา ดาวเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม GRAMMY กล่าวว่า “ถึงแม้ว่ารายได้จะลดลงจากปีก่อนเล็กน้อย แต่ความสามารถในการบริหารต้นทุนดีกว่าปีเก่ามาก โดยอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มจากร้อยละ 36 ในปีก่อน มาเป็นร้อยละ 39 ในปีนี้ ประกอบกับผลการดำเนินงานของบริษัทย่อย และกิจการร่วมค้ามีพัฒนาการที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ร่วมกับการให้ความสำคัญของการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้ปีนี้ บริษัทฯ มีผลกำไรสูงถึง 342 ล้านบาท
“ขณะที่ภาระหนี้สินของบริษัทก็ลดต่ำลงมาก ปัจจุบันมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 0.24 เท่า นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทจึงมีมติที่จะเสนอการจัดสรรผลกำไรเพื่อจ่ายเงินปันผลในอัตราเกือบ 90% ของกำไรสุทธิประจำปีเพื่อตอบแทนการลงทุนของผู้ถือหุ้นของบริษัท”
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า