“พอตเตอร์ เธออีกแล้วนะ!”
เสียงของหญิงสาววัยชราดังขึ้นในเชิงตำหนิติฉินอย่างรุนแรง นั่นเพราะสิ่งที่ชายหนุ่มผู้ที่มีชื่อคล้ายกับพอตเตอร์ผู้ถูกเลือกคนนั้นทำสิ่งที่ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ความเสียหายมันชักจะมากเกินไปแล้ว เธอไม่ได้ทำให้แค่ตัวเธอเองตกอยู่ในที่นั่งลำบาก แต่เธอกำลังทำให้พวกเราทุกคนลำบากมากเกินไปแล้ว”
พอตเตอร์ที่ดูแก่ชราลงไปจากเมื่อหลายเดือนก่อนมากไม่ได้พูดอะไร เขาได้แต่ก้มหน้ายอมรับคำดุด่าว่ากล่าวด้วยความจำใจ เพราะรู้ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมันเลวร้ายอย่างมาก
ทีมฟุตบอลของเขา (ใช่สิ เขาเป็นมักเกิลไม่ได้เป็นพ่อมด จะไปคุมทีมควิดดิชก็ไม่ได้) ไม่ได้ดีขึ้นอย่างที่ทุกคนคาดหวังเอาไว้ แม้แต่ขั้นต่ำที่สุดของสิ่งที่เจ้าของทีมซึ่งปกป้องเขาเสมอเรียกร้องอย่างการพยายามทำทีมฟุตบอลให้เล่นอย่างเป็นระบบ มีเหตุมีผลก็ไม่ได้
ความมีเหตุมีผลมันหายไปไหนหมดนะ? เชื่อว่าแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจ
ในเกมล่าสุดเขาจับแบ็กขวาที่เก่งที่สุดคนหนึ่งของประเทศหรืออาจจะกล่าวได้ว่ามีศักยภาพที่ดีที่สุดคนหนึ่งในยุโรปกลับมายืนในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก และมันไม่ได้ถูกมองเป็นเพียงการทำ ‘เสียของ’ เท่านั้น หากแต่ยังเป็นการตัดสินใจที่พิลึกพิลั่น
“ให้เคราเมอร์ลินดิ้นตายเถอะ! เธอคิดอะไรของเธออยู่นะ” หญิงชราซักไซ้
ไม่มีคำตอบใดๆ ออกมาจากปากของชายหนุ่ม แม้แต่นัยน์ตาของเขาก็ยังว่างเปล่า มีเพียงมือเท่านั้นที่เหมือนยังมีชีวิตอยู่ที่พอจะทำงานได้ตามปกติด้วยการยกแก้วบัตเตอร์เบียร์ของเขาขึ้นมากระดกไม่หยุด และนี่ก็เป็นแก้วที่ 8 แล้วในคืนนี้
เขาเคยเป็นหนึ่งในโค้ชฟุตบอลดาวเด่น เป็นคนที่ทุกคนชื่นชม สำนักข่าวมักเกิลต่างยกย่องว่าเป็นความหวังใหม่ของวงการ แม้แต่เดลี่พรอเฟ็ตก็ยังเขียนถึงเขาว่านี่คือโค้ชชาวมักเกิลที่น่ายกย่องเก่งกาจราวกับมีเวทมนตร์
การศึกษาคู่แข่งอย่างหนัก การออกแบบการซ้อม การหาหนทางที่จะทำให้ทีมฟุตบอลเล็กๆ ของเขาต่อสู้กับคู่แข่งได้ไม่ว่าคู่แข่งทีมนั้นจะเป็นใครหน้าไหน
การชักจูงใจผู้คน การปลุกเร้าด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ นิ่ง ที่ทำให้ผู้ฟังเหมือนถูกสะกดจิต และต่อให้ทีมทำผิดหรือพลาดแค่ไหนเขาก็ไม่เคยออกมาโวยวายใส่ใครสักคน แต่จะพยายามชี้ให้เห็นข้อบกพร่องในการเล่นเพื่อที่จะกลับไปแก้ไขสิ่งนั้นในสนามแข่ง
สิ่งดีๆ เหล่านี้ทำให้เจ้าของทีมชาวอเมริกันชื่นชมเขาอย่างมาก และตัดสินใจที่จะทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ชายคนนี้มาสานฝันให้
‘The Project’ ในฉบับ The American Dream ทีมฟุตบอลที่เขาเพิ่งได้มาหลังจากเจ้าของเก่าชาวรัสเซียที่ตกเป็นข่าวพัวพันกับการทำสงครามจะได้คนที่เก่งกาจ อายุน้อย และมีภาพลักษณ์ที่ดีมาทำงาน แทนที่คนเก่าชาวเยอรมันที่เจ้าอารมณ์อย่างร้ายกาจ และเริ่มมีปัญหากับใครหลายคนภายในทีม โดยเฉพาะกับคุณ ท็อดด์ โบห์ลี ซึ่งก็คือคุณเจ้าของทีมนี่แหละ
“เราจะทำทีมในระยะยาวกันนะ” คือสิ่งที่เจ้าของเคยบอกกับเขาเอาไว้เมื่อหลายเดือนก่อน พร้อมกับสัญญาบนโต๊ะที่มีข้อความมากมายระบุเอาไว้ แต่ข้อความที่สำคัญที่สุดคือช่วงระยะเวลาที่ระบุเอาไว้ในเงื่อนไข ‘5 ปี’ ที่ไม่นับกับเงินอีก 21 ล้านปอนด์ที่ต้องจ่ายให้ทีมเก่าของเขา
สัญญาระยะเวลายาวนานขนาดนี้เป็นของที่หาได้ยากยิ่งในวงการฟุตบอลปัจจุบัน และมันก็เหมือนจะออกมาดีเมื่อพอตเตอร์พาทีมเก็บชัยชนะได้ถึง 3 นัดรวด
แต่หลังจากนั้นชีวิตของเขาก็เหมือนถูกดูดเข้าไปในเขาวงกตเดียวกับที่ เซดริก ดิกกอรี ตายในภารกิจด่านที่ 3 ในการประลองเวทไตรภาคีหลังหาถ้วยอัคนีพบเป็นคนแรก พอตเตอร์หลงทางหาทางออกไม่เจออยู่เป็นเวลานาน และแน่นอนว่าต่อให้มี ‘แผนที่ตัวกวน’ ก็ไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้
ที่เลวร้ายกว่าคือเขายิ่งถลำลึกลงไปเรื่อยๆ เหมือนติดเข้าไปในถ้ำอันมืดมิดที่มีเหล่าวิญญาณร้ายใต้น้ำรอกระชากเขาลงไปเป็นพวกเดียวกัน
ไม่ว่าเขาจะพยายามขนาดไหนก็ไม่มีอะไรดีขึ้น จนบางครั้งก็อยากจะมี ‘ผ้าคลุมล่องหน’ มาคลุมตัวแล้วหลบไปอยู่เงียบๆ คนเดียวสักพัก เพียงแต่ด้วยความรับผิดชอบทำให้ไม่สามารถทำแบบนั้นได้
และไม่ว่าคุณโบห์ลีจะพยายามยื่นมือมาช่วยเหลือขนาดไหน นอกจากจะไม่มีอะไรที่ดีขึ้นแล้วทุกอย่างยังเละเทะอีนุงตุงนังมากกว่าเดิม
นักเตะใหม่ 8 คนในช่วงตลาดการซื้อขายรอบฤดูหนาวทำให้การบริหารจัดการทีมของพอตเตอร์ยากขึ้นไปอีกหลายเท่า และทำให้งานของเขายากขึ้นกว่าเดิมจนแทบไม่รู้จะจัดการอย่างไรอีกแล้ว
ในทางกลับกันเหล่าผู้คนของทีมก็ไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับเขาเหมือนกัน พอตเตอร์กลายเป็นคนที่ถูกสาปแช่งจากเหล่ามักเกิลสีน้ำเงินด้วยกันมากที่สุด ไม่มีเสียงเชียร์แล้ว เหลือแต่เสียงถอนหายใจของความเอือมระอา
“เธอรู้ใช่ไหมว่าไม่มีใครเขาเอาเธอแล้ว” หญิงชราถามย้ำ
“รู้ ผมรู้ตัวดี แต่ผมว่าถ้าเรามองจากสถิติในเกมล่าสุดแล้วมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นนะ” พอตเตอร์เถียงกลับแม้จะรู้ตัวลึกๆ ว่าข้างๆ คูๆ ก็ตาม
“เธอไม่รู้ตัวหรอกว่าเธอทำอะไรลงไป” หญิงชราหันกลับมามองเขาด้วยสายตาที่สิ้นหวัง ก่อนจะยกไม้กายสิทธิ์ ‘เอลเดอร์’ ที่อยู่ในเสื้อคลุมของเธอออกมา
“อะวาดา เคดาฟรา”
ประกายแสงสีเขียวจ้าสว่างวาบขึ้นก่อนที่ร่างของพอตเตอร์ร่วงจากเก้าอี้ลงไปกองกับพื้น ท่ามกลางการแตกตื่นของผู้คนภายในร้านที่ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ฉันไม่คิดเลยว่าศาสตราจารย์จะเป็นคนลงมือกับลูกศิษย์คนโปรดด้วยตัวเอง ได้ยินมาว่าเป็นคำสั่งโดยตรงจากคุณโบห์ลีนะ แต่ก็นั่นแหละฉันว่ามันอาจจะสมควรแล้ว มันอาจจะช้าเกินไปด้วยซ้ำ” เสียงซุบซิบดังขึ้นภายในร้าน
พอตเตอร์ลุกขึ้นอย่างช้าๆ เขารู้สึกสับสนนิดหน่อยที่เห็นตัวเองอีกคนนอนอยู่ที่พื้น แต่ความสับสนก็ลดลงพร้อมกับความเข้าใจ
ยมทูตมารอรับเขาแล้ว “ไปกันเถอะพอตเตอร์”