วันนี้ (16 มีนาคม) รัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในยามเผชิญกับวิกฤต หนึ่งในแนวทางบริหารวิกฤต (Crisis Management) ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดต้องยึดใน 4 หลักการ หรือจำง่ายๆ ว่า ‘4C’ ประกอบด้วยการมี Command Center (ศูนย์บัญชาการ) เพื่อทำหน้าที่ Coordinate (บริหารจัดการแบบบูรณาการ) Communicate (สื่อสาร) และ Control Supply & Resource (บริหารจัดการทรัพยากร)
ในสถานการณ์วิกฤตระดับประเทศ เช่น ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และ PM2.5 นี้ รัฐบาลควรเป็น Single Command Center หรือศูนย์บัญชาการเพียงหนึ่งเดียวในการแก้ปัญหาของประเทศ ซึ่งรัฐบาลเองก็ให้ความสำคัญ เล็งเห็นปัญหาดังกล่าวและเดินหน้าขึ้นเหนือลุยงานแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และ PM2.5 ที่จังหวัดเชียงใหม่อยู่
รัดเกล้ากล่าวต่อว่า การที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล และ พริษฐ์ วัชรสินธุ สส. บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล เดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่เพื่อปฏิบัติภารกิจดับไฟป่าร่วมกับภาคประชาสังคมนั้น
ขอให้ระมัดระวัง อย่าให้เป็นการทำงานซ้ำซ้อนกับรัฐบาล และขออย่าได้สร้างความสับสนให้กับประชาชนและผู้ดำเนินการ เป็นห่วงว่าอาจเป็นปรากฏการณ์เดียวกันกับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2566 ที่ความขัดแย้งในประเทศอิสราเอลเพิ่งเกิดขึ้นใหม่ๆ แล้วพิธาเสนอตนเป็นคนกลางรับประสานคนไทยที่ต้องการติดต่อหาญาติ จนท้ายสุดสร้างความสับสนให้กับคนไทยที่ประสบวิกฤต และก่ออุปสรรคให้กับผู้ที่ต้องรับผิดชอบงานโดยตรง
รัดเกล้าระบุว่า ปัจจุบันรัฐบาลทำงานอย่างเข้มงวด โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีมาตรการในการตรึงพื้นที่ด้วยการตั้งจุดเฝ้าระวังไฟป่าใน 17 จังหวัดภาคเหนือ 2,700 จุด ซึ่งเป็นการดำเนินงานที่สืบเนื่องมาจากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2567 ที่อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไปเบื้องต้น เป็นเงินทั้งสิ้น 272,655,350 บาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน เพื่อลดฝุ่นละออง PM2.5 โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ของกรมป่าไม้ เป็นเงิน 109,946,650 บาท และของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นเงิน 162,708,700 บาท
ทั้งนี้ รัฐบาลรับทราบถึงความห่วงใย ความตั้งใจ และความร้อนใจของพิธา สมาชิกพรรค และ สส. ในพื้นที่เชียงใหม่ทั้ง 7 คนของพรรคก้าวไกล รวมถึงผู้ที่มีบทบาททำงานอยู่ในคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทุกท่าน แต่วอนขอให้แยกแยะบทบาทหน้าที่เพื่อให้มีการทำงานบริหารประเทศ และบริหารปัญหาครั้งนี้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ในข้อเสนอแนะต่างๆ ที่พิธาและคณะให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนไป เช่น ปัญหาการขาดแคลนอุปกรณ์ การสร้างสถานีน้ำ หรือข้อสงสัยในกำหนดการประกาศพื้นที่ภัยพิบัตินั้น รัฐบาลรับทราบ รับฟัง อย่างไรก็ดี วอนขอให้ทำงานเพื่อแก้ปัญหาอย่างมีหลักการและเป็นระบบ ขอให้นำข้อเสนอแนะมาหารือกับรัฐบาลโดยตรง ให้เกิดความร่วมมือกันเพื่อสร้างทางออกให้กับประชาชนอย่างแท้จริง
รัดเกล้ากล่าวว่า เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมที่ฝ่ายค้านเป็นห่วงเป็นใยในปัญหาไฟป่า หมอกควัน และ PM2.5 ที่เกิดขึ้น แต่การเดินทางไปลงพื้นที่ในเวลาเดียวกันกับรัฐบาลนั้น นอกเหนือจากอาจสร้างความสับสนให้ประชาชนแล้ว ยังอาจเป็นการสร้างภาระให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ทำงานให้พื้นที่เพิ่มขึ้นด้วย
เกรงว่าเจตนารมณ์ที่ดีของพรรคก้าวไกลจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นวัตถุประสงค์ทางการเมือง มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำได้ เพราะสุดท้ายแล้วรัฐบาลเป็นผู้ที่มีอำนาจและบทบาทโดยตรงในการสั่งการและแก้ปัญหาตรงนี้อยู่
วอนขอให้พรรคก้าวไกลหันกลับมาทำหน้าที่ฝ่ายค้านของตัวเองตามที่เหมาะสมให้ดีที่สุด การบริหารประเทศของรัฐบาลหากขาดตกบกพร่องในจุดใด ขอให้รวบรวมข้อมูลนำเสนอทางออกที่ดีกว่า หากทำได้เช่นนี้ฝ่ายค้านจะสามารถช่วยเหลือประเทศชาติให้ก้าวหน้า ก้าวไกล ได้สมชื่อจริงๆ